ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY



เรื่องการส่งของกลับไทยจากต่างประเทศนับเป็นหนึ่งใน FAQ ของชาวไกลบ้านทั้งหลาย ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง? ใช้บริการเจ้าไหนดีที่สุด? ราคาต่างกันเยอะมั้ย? บริการเป็นยังไงบ้าง? ไว้ใจได้หรือไม่? ฯลฯ วันนี้ฝ้ายก็จะขอแบ่งปันประสบการณ์ตรงในการส่งของกว่า 400 กิโลกรัมกลับไทยค่ะ

16/05/2014
search หาใน Internet ว่ามีใครบ้างที่รับส่งของทางเรือกลับไทย จากนั้นโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับสัมภาระหนัก 500 กก. ก็จะได้รายการตามนี้

 
 
เมื่อพิจารณารายละเอียดที่ได้ แล้วคำนึงถึงเงื่อนไขของเรา ก็พบว่าทางเลือกสุดท้ายน่าสนใจที่สุด เพราะราคาย่อมเยาที่สุด ถึงแม้จะใช้เวลาเดินทางนานที่สุด หากท่านใดมีความจำเป็นต้องใช้ของภายในเวลาที่จำกัด ก็คงต้องพิจารณาทางเลือกอื่นนะคะ

07/07/2014 
Pangaea ก็ตอบกลับมาหลังจากเราส่งเมล์ไปสอบถามว่าราคารวมเท่าไหร่และแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง


การสื่อสารค่อนข้างรวดเร็วแต่ไม่ลงรายละเอียด ต้องให้เราโทรถามจิกเองตลอดว่า
ต้องเตรียมของเองขนาดไหน? 
จะจัดใส่คอนเทนเนอร์ยังไง? 
แล้วต้องห่อกล่องด้วยพลาสติกอีกมั้ย? 
โดยเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องมีอยู่ 2 คน ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 1

ครั้งที่ 1 - ต้องแพ็คของยังไง?
เรา: จะต้องห่อของยังไง แล้วเค้าจะขนยังไงคะ?
เธอ: ต้องไปหาซื้อ pallet มาเองเพื่อมาวางลังเรียงไปบนนั้น
เรา: (แว้บแรก อะไรคือ pallet?) ช่วยขยายความได้มั้ยคะ ว่ามันคืออะไร
เธอ: อธิบายเป็นภาษาเยอรมัน จนเราพอนึกภาพออกว่าเธอหมายถึงอะไร
เรา: แล้วมันต้องขนาดเท่าไหร่ หาซื้อได้ที่ไหนคะ?
เธอ: ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดมันก็มาตรฐานอยู่แล้ว มีขนาดเดียวนั่นล่ะ
เรา: เอิ่ม … แล้วจะรู้มั้ยอ่ะ ว่าอะไรมันคือมาตรฐาน
เธอ: ก็ลองไปหาดูที่ Bauhaus ก็น่าจะมีนะ
เรา: อ่า โอเค

เราก็เลยเข้าไปหาข้อมูลใน Internet ก็พบว่าไอ้ pallet ที่ว่านั่นมันหนักประมาณเกือบ 20 โล!!! แล้วชั้นจะแบกไหวได้ไง? ก็เลยต้องพึ่งพา amazon สั่งให้มาส่งที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไปซื้อเอง แถมต้องแบกเองอีก


หลังจากสั่งซื้อ pallet ไปแล้ว ก็มานั่งคิดว่า เราจะเรียงลังลงบน pallet แล้วระหว่างที่ขนย้ายจะยึดลังไว้ยังไง? เท่าที่จำได้ มันต้องมีพลาสติกอะไรสักอย่างพันไว้ใช่มั้ย เมื่อสงสัย ก็เลยโทรไปถามเพื่อความแน่ใจ ว่าเราต้องเป็นคนเตรียมตรงนี้เอง หรือรถที่มารับของเค้าจะทำให้

ครั้งที่ 2 – wrap the pallet?
เรา: ไม่ทราบว่าขั้นตอนการรับ pallet ขึ้นรถนี่ จะมีบริการห่อพลาสติกให้รึเปล่าคะ? เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่มารับของจะต้องเปิดกล่องตรวจสอบก่อนรึเปล่า
เธอ: ไม่ค่ะ คุณต้องเป็นคนจัดการ wrap สัมภาระของคุณให้เรียบร้อยค่ะ คนขับรถจะมีหน้าที่เพียงยก pallet ของคุณด้วย forklift เท่านั้นค่ะ
เรา: อืม เข้าใจแล้วค่ะ


เย็นวันนั้นก็ไปลองหาพลาสติก wrap pallet ใน amazon เจ้าเก่า พร้อมกับหาความรู้ไปด้วย ว่าจะห่อมันยังไงดี



 

พอเริ่มจัดของ แล้วลองคำนวณว่าชั้นนึงวางได้กี่ลัง ก็พบว่า เรามีลังทั้งหมด 21 ลัง ไม่รวมของอื่น เช่น กรอบรูป ไม้เท้า ร่ม ถุงแม่ค้า ฯลฯ แต่ละชั้นวางได้ 4 ลัง หมายความว่า หากเราเรียงลังทั้งหมดบน pallet ก็ต้องเรียงซ้อนกันทั้งหมด 5 ชั้น เป็นอย่างต่ำ ซึ่งแต่ละลังสูงประมาณ 33 ซม. ดังนั้น pallet ของเรา จะต้องสูงโดยรวมเกือบ 2 เมตร!!! เราก็เริ่มคิดละ (อาจจะคิดช้าไปนิด) ว่าแบบนี้ ลังที่เรียงไว้จะล้มมั้ย? แล้วรถที่จะมารับเรามีความสูงเท่าไหร่? ก็เลยโทรไปถามเจ้าหน้าที่



ครั้งที่ 3 - ความสูงของ pallet?

เรา: pallet ที่จะขนส่งสูงประมาณ 2 เมตรนี่ ไม่มีปัญหาใช่มั้ยคะ?

เขา: เอ่อ ไม่ได้นะครับ เรามีการจำกัดความสูง
เรา: งั้นห้ามสูงเกินเท่าไหร่คะ?
เขา: อืม ผมก็ไม่แน่ใจ น่าจะ 170 ซม. แต่ผมจะลองสอบถามเพื่อนร่วมงานให้อีกที

พอวันรุ่งขึ้น เราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ ก็เลยโทรไปถามอีกที คราวนี้เจอผู้หญิง

ครั้งที่ 4 - ความสูงของ pallet?
เธอ: ห้ามเกิน 180 ซม. ค่ะ เพราะไม่งั้นมันจะซ้อนกันไม่ได้
เรา: อ้าว แล้วอย่างนี้ต้องทำยังไงคะ? เพราะเราจองไป pallet เดียว
เธอ: งั้นคุณก็ต้องซื้อเพิ่มอีกหนึ่งอันไงคะ
เรา: โห เราเพิ่งสั่งซื้อไปแล้วหนึ่งอัน พร้อมเสียค่าส่งอีก หากคุณแจ้งรายละเอียดที่จำเป็นเรื่องความสูงให้เราทราบตั้งแต่แรก เราจะได้สั่งซื้อทีเดียวสองอัน ซึ่งจะประหยัดค่าส่งไปได้อีก
เธอ: ขอโทษด้วยค่ะ แต่ยังไงคุณก็ต้องแบ่งของของคุณออกเป็นสอง pallet

ตอนนั้นแอบโมโหมาก เพราะเวลาก็กระชั้น กลัว pallet มาส่งไม่ทันเวลาที่นัดรับของ แต่ทำไงได้ ก็ต้องสั่งซื้อจากร้านเดิมและเสียค่าส่งอีก 20€ 



18/07/2014 
จัดของเรียบร้อย พร้อมชั่งน้ำหนักทุกชิ้น ก็ส่งรายการสิ่งของที่จะส่งไปเป็นภาษาไทยและเยอรมัน/อังกฤษ พร้อมน้ำหนักอย่างละเอียด และคอนเฟิร์มวันรับของคือ 24/07/2014  


ซึ่งทาง Pangaea ก็ส่งเมล์กลับมา พร้อมรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1.     ความสูงของ pallet คือ 180 ซม.
2.     กล่องทุกกล่องและทุก pallet ต้องติดที่อยู่ปลายทางให้ชัดเจน ไม่งั้นจะถูกปรับ




3.     เวลารถมารับของ ไม่สามารถระบุให้แน่นอนได้ แต่จะให้คนขับโทรหาเราก่อนมารับ 2 ชม. หากคุณไม่ได้รับโทรศัพท์ก่อนเวลาบ่ายสองโมง ให้แจ้งทาง Pangaea ทราบ
4.     เนื่องจาก cargo จะถูกส่งทางเรือ สัมภาระของคุณต้องถูกห่อแบบที่กันน้ำได้ หรือต้องมีสารกันชื้นหากจำเป็น
5.     เราไม่รับผิดชอบหากของในกล่องแตกหรือเสียหาย หากมีของที่เปราะบาง กรุณาติดป้าย Fragile ให้เด่นชัด
6.     หลังจากของถูกส่งออกไป เราจะส่งใบแจ้งหนี้และเอกสารอื่น ๆ พร้อมเวลาที่ cargo จะถึงโดยประมาณ
7.     ของอาจจะถึงล่าช้าหรือใช้เวลานาน หาก container ที่จะเดินทางไปไทยยังไม่เต็ม ถ้าคุณไม่สามารถรอได้หรือมีวันที่ที่ต้องการรับของที่แน่นอน กรุณาแจ้งให้เราทราบ


ระหว่างนี้ เราก็กังวลเรื่องการจัดของลงบน pallet เพราะห้องพักเราอยู่บนชั้นสามของตึก หมายความว่า เราไม่สามารถจัดของลงบน pallet เตรียมไว้ล่วงหน้าได้ หากจะจัดไว้ล่วงหน้า เราก็ต้องวางของไว้หน้าบ้าน ตรงส่วนที่เป็นทางเข้า-ออกของโรงจอดรถ ซึ่งก็จะขวางทางรถออกของเพื่อนบ้าน หากจะไปวางบนทางเท้า ก็จะเกะกะคนเดินไปเดินมาอีก สรุป เหลือทางเลือกเดียว คือ (1) ต้องขนของทั้งหมดลงมาข้างล่าง (2) จัดเรียงลงบน pallet แล้วก็ (3) wrap pallet ในวันที่รถมารับของเลย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะมารับกี่โมง แล้วฝนจะตกมั้ย แต่ก็คิดว่าหากเริ่มตั้งแต่ 8 โมงก็น่าจะทัน

24/07/2014
8:30 – 9:20 ของทั้งหมดก็ลงมากองหน้าบ้าน


9:20 – 9:55 จัดเรียงสัมภาระลงบน pallet

9:58 wrap pallet ข้อแนะนำคือหาถุงมือมาใส่ เพราะไม่งั้นจะเจ็บมือมากค่ะ



10:26 รถมารับของก็มาถึง โดยปราศจากการโทรแจ้งล่วงหน้า 2 ชม. 


ซึ่งเรายัง wrap pallet ที่สองยังไม่เสร็จดี แต่คนขับรถก็บอกว่ารอได้หากไม่นาน ระหว่างนี้ เขาก็เอา pallet แรกขึ้นไปก่อน



10:35 pallet สองเสร็จเรียบร้อย เอาขึ้นรถ เป็นอันจบกระบวนการ

หลังจากนั้น เราก็รู้สึกไม่ค่อยแน่ใจว่าคนที่มารับของจะเป็นคนของ Pangaea หรือไม่ เพราะเหมือนไม่ค่อยมีเอกสารรับของหรืออ้างอิงอื่น ๆ ให้ลงชื่อหรือใบรับอะไรเลย เราก็เลยส่งเมล์พร้อมทะเบียนรถที่มารับไปยืนยันกับทาง Pangaea อีกที ตอน 11 โมง 



ประมาณบ่ายสามเจ้าหน้าที่ผู้ชายก็ยืนยันมาว่าถูกต้องดี … เฮ้อ โล่งอก บอกตามตรงว่ากังวลมาก ณ จุดนี้ เพราะไม่เคยทำมาก่อนเลย

16/09/2014 
ได้รับใบแจ้งหนี้ และเอกสารอื่น ๆ กำหนดวันส่งของคือ 10/10/2014

18/09/2014
โทรไปหา Priority Freight ซึ่งเป็น agency ของ Pangaea เพื่อขอเลขบัญชีในไทย แล้วโอนเงินให้

26/09/2014 
Priority Freight แจ้งเอกสารที่ต้องนำไปให้เค้า เพื่อเอาของออกจากท่าเรือ ได้แก่
1.     บัตรประชาชน
2.     สำเนาทะเบียนบ้าน
3.     สำเนาปริญญาจากเยอรมนี
4.     หนังสือเดินทางทั้งสองเล่ม (เพราะเราอยู่ที่เยอรมันเกิน 5 ปี เล่มแรกหมดอายุไปก่อน)

31/10/2014 
ของมาถึงแล้วค่า!!!


โดยรวมถือว่าพอใจ เพราะเราส่งพวกจาน ชาม ถ้วย แก้ว ลูกแก้วหิมะ และของที่แตกได้อีกมากมาย ซึ่งมีเพียงแก้วใส่เทียนขนาดใหญ่อันเดียวเท่านั้นที่แตก อันที่ใหญ่กว่าอันนี้ (60 ซม.) ไม่แตก


แต่มีข้อสงสัยอย่างเดียวคือ ของที่มาส่งนั้น (ตามรูป) มาแบบแยกชิ้นแล้ว แล้ว pallet สองอันที่เราเป็นคนออกเงินซื้อเอง มันหายไปไหนอ่ะ? ราคาก็ไม่ได้ถูกนะ แล้วเราก็อยากเอามาใช้ตกแต่งบ้านด้วย



สรุปความพึงพอใจ


แถม mini review ลังที่ใช้ขนของย้ายบ้าน

เนื่องจากเป็นคนย้ายบ้านบ่อย (ครั้งใหญ่ ๆ ก็มีทั้งหมด 4 ครั้ง ตลอด 7 ปีที่อยู่ที่เยอรมัน) ลังขนของที่ใช้มี 3 ยี่ห้อ คือ A&G Heute, IKEA และ Praktiker



หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่กำลังมองหาวิธีการส่งของกลับไทย ขอให้สนุกกับการขนย้ายนะคะ ^^




 
 

Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน