สรุปสิ่งที่เรียนรู้จากการสัมภาษณ์งานกับบริษัทชั้นนำ





การสัมภาษณ์งาน ไม่ใช่เป็นโอกาสให้เค้าทำความรู้จักเราเท่านั้น แต่เป็นโอกาสของเรา ที่จะได้ศึกษาว่าทัศนคติของเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าของเราในอนาคตเป็นยังไง จะได้พอเห็นภาพว่าในอนาคตเราต้องใช้เวลาร่วมกับคนแบบไหน และเราอยากร่วมงานด้วยมั้ย  นอกจากนี้ การที่ได้งานทำหรือไม่ได้งานทำ ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนเก่งหรือเราไม่เอาไหน แต่หมายความว่าเรา “เหมาะสม” หรือเปล่า คนเก่งในงานด้านวิศวกรรม ก็คงไม่เหมาะหากไปสมัครงานทำบัญชี เพราะฉะนั้น อย่าเสียกำลังใจ หากได้รับการตอบปฏิเสธนะคะ

หากทบทวนเนื้อหาในการสัมภาษณ์งาน จะเห็นได้ว่าคำถามในการสัมภาษณ์ก็จะวนไปวนมา ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่ ซึ่งเราสามารถเตรียมตัวไว้ก่อนได้อย่างแน่นอน ฝึกพูดฝึกตอบให้คล่อง ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาที่สาม ซึ่งจะช่วยให้ไปสัมภาษณ์งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น 

 

เรื่องสุดท้ายที่อยากเรียกร้อง ก็คือเรื่อง "ค่าเดินทาง" ของ candidate เมื่อต้องไปสัมภาษณ์งาน เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยคิดถึงจุดนี้ เพราะตอนที่เรียนอยู่ที่ไทย สมัครงานไปที่เดียวคือ Ernst & Young แล้วก็ได้งานเลย เพราะฉะนั้น เราเคยเดินทางไปสัมภาษณ์เพียงครั้งเดียว แต่ตอนหางานที่เยอรมัน ก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องค่าเดินทาง เห็นได้จาก ก่อนที่จะทำการสัมภาษณ์ เค้าจะถามเลยว่า เราสะดวกที่จะสัมภาษณ์แบบไหน ผ่าน skype หรือ face-to-face เพราะทางบริษัทไม่สามารถออกค่าเดินทางให้ได้ แต่หลาย ๆ ที่ที่เป็นบริษัทใหญ่ ก็จะออกค่าเดินทางให้เสมอ ซึ่งตรงนี้ เรามองว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะ candidate ต้องลงทุนเดินทางมาเอง ไหนจะค่าเอกสารมากมาย หาก candidate ยังมีงานทำอยู่ ก็พอโอเค ทำได้ไม่ลำบาก แต่หากเป็นเด็กจบใหม่ล่ะ? รายได้ก็ไม่มีอยู่แล้ว แล้วยังต้องเจียดมาจ่ายเงินค่าเดินทาง ที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า แถมบางทีมาแล้วก็ถูกยกเลิกกลางอากาศ ไม่มีค่าชดเชยใด ๆ ให้ตามกฎหมาย เราเคยเจอกรณีแบบนี้ที่เยอรมัน แต่เราก็ต่อสู้เรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทนั้นได้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ประสบการณ์สัมภาษณ์งาน)

หากไทยมีกฎหมายคุ้มครอง candidate เช่นนี้ จะทำให้ HR รอบคอบมากขึ้น ก่อนที่จะเรียกใครมาสัมภาษณ์ ทำให้ HR ต้องพิจารณาประวัติ candidate ละเอียดมากขึ้นว่าเหมาะสมหรือไม่ มีศักยภาพเพียงพอรึเปล่า เรียกมาแล้วจะคุ้มทุนที่ต้องจ่ายค่าเดินทางให้หรือไม่ และยังช่วยให้ผู้บริหารไม่ต้องเสียเวลามาสัมภาษณ์ candidate ที่ไม่เหมาะอีกด้วย เพราะเท่าที่เราลองคิดดู บริษัทในไทย แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลยในการเรียก candidate มาสัมภาษณ์ อย่างดีก็เสียเวลาของผู้บริหารที่มาสัมภาษณ์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ตกเบิกเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินจริง ๆ

ในที่สุด ก็จบมหากาพย์การสัมภาษณ์งานซักที หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับคนที่มองหางานทำอยู่นะคะ









 

Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ