Posts

Es werden Posts vom 2022 angezeigt.

เชิญชวนมาสูดกลิ่นของหนังสือชีวิต ณ ห้องสมุดเที่ยงคืน

Bild
The Midnight Library หรือ ห้องสมุดเที่ยงคืน เป็นหนังสือที่เอาไว้เยียวยาจิตใจได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะเนื้อเรื่องมีการพูดถึงเรื่องการฆ่าตัวตายอยู่เป็นระยะ ๆ หากอ่านไม่จบเล่มอาจจะได้ message ที่ผิดพลาดได้ วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา "เส้นเรื่องหลัก"​ ที่หนังสือจะสื่อในความเข้าใจของเรา คือ "ชีวิตมันมีความเป็นไปได้และศักยภาพอย่างไม่สิ้นสุด และเมื่อเราตัดสินใจเลือกแล้ว เราต้องยอมรับทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดีจากทางเลือกนั้น" ซึ่ง message ตรงนี้สำหรับเรา ไม่ได้ ว้าว อะไรขนาดนั้น เนื่องด้วยเราอ่านหนังสือปรัชญา หนังสือธรรมะ และฝึกเจริญสติมานานกว่า 10 ปี ก็เลยคิดว่าถ้าศึกษาด้านนี้มานาน มันก็เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ คือคุณจะรู้ได้ยังไงว่านี่คือความสุข ถ้าคุณไม่เคยผ่านความทุกข์มาก่อน ความสุขและทุกข์ก็ยังมี degree ที่แยกย่อยไปได้อีก จะหวังให้ชีวิตมีแต่ความสุขอย่างเดียว มันเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติมาก และเราเรียนรู้อะไรได้มากจากความทุกข์มากกว่าความสุข - นอกจากนี้ ตอนเริ่มต้น ที่ตัวเอก Nora Seed อายุ 35 ปีแล้ว (ที่ก็ถือว่าไม่ได้อายุห่างจากเรามาก)

แบกเป้ปีนเขา ฉบับคนงอแง

Bild
  # หนังสือกับการเดินทาง นอกจากการชอบไปนั่งอ่านหนังสือตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร ผับบาร์ สถานที่ที่เหมาะมากแก่การตั้งสมาธิอ่านหนังสือคือระหว่างที่เราไปเดินป่า ปีนเขา trekking นั่นเองค่ะ - ที่เหมาะมาก ๆ เพราะว่าพื้นที่ที่เราเลือกไปปีนเขาจะไม่มีสัญญาณ internet หรือหากเป็นทริปยาว ๆ เกิน 5 วัน แบตและ power bank ก็ไม่พอ ยิ่งตอนที่ปีน Everest Base Camp เพราะอุณหภูมิมันติดลบ ส่งผลให้แบตยิ่งหมดเร็วมากกกก ดังนั้น กิจกรรมที่ไว้ทำก่อนนอนเมื่อไม่มีมือถือให้ไถเล่นหรือ netflix ให้ดู ก็กลับมาสู่ basic คือหนังสือที่พกไปเพียงเล่มเดียว (พกเยอะไม่ไหว เพราะต้องแบกเองตลอดเส้นทาง) หนังสือที่เลือกหยิบไป จะเป็นหนังสือที่เชื่อมโยงกับเขาที่ไปปีนค่ะ - Rinjani อินโดนีเซีย - เลือก This Earth of Mankind ของ Pramoedya Ananta Toer นักเขียนชาวอินโดนีเซีย เป็นเรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้านในยุคที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของ Dutch ที่คนไทย ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครอาจจะนึกภาพไม่ออก นอกเหนือจากเรื่อง melodrama ที่เป็นเส้นเรื่องหนึ่งแล้ว ยังพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำในหลายมิติ และการดิ้นรนของผู้หญิงในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ - Everest Ba

แบกเป้ บินเดี่ยว เที่ยวกรุงลอนดอน

Bild
  #solotraveller #travellight เดินทางไปลอนดอนครั้งที่ 2 นี้ เป็นการเดินทางแบบตัวเบาที่สุดเท่าที่เคยทำมา คือไม่มีการโหลดกระเป๋า มีแค่ carry-on ใบเดียวและน้ำหนักห้ามเกิน 8 กก. ๐ โจทย์คือไปเที่ยวคนเดียว 9 วันและต้องไปงานที่เป็นทางการด้วย จะจัดกระเป๋ายังไง? ต้องเผื่อซื้อของเพิ่มด้วยมั้ย? เผื่อเท่าไหร่? โดยที่ห้องก็ไม่ได้มีเครื่องชั่งน้ำหนัก เลยต้องกะ ๆ เอา แล้วไปตายเอาดาบหน้า 😂😂😂 ๐ ตามรูป คือแบ่งออกเป็น 2 ชุด #ชุดทางการ คือ (1-3) สูทสามชิ้น ของ POEM ที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงอย่างน้อยสามนิ้ว ก็เลยต้องเอา (4) รองเท้าบู้ท ไปด้วย #ชุดลำลอง แบ่งเป็น ชุดที่ใส่วันเดินทางขึ้นเครื่อง (5) แจ็คเก็ต (6) หมวก (7) ผ้าพันคอ (8.) onitsuka สีดำ (9) ถุงเท้าสองคู่ (10) กางเกงยีนส์ (11) เสื้อยืดแขนยาว (12) เสื้อขนแกะสีชมพู ชุดที่ใส่เป้ สำหรับวันอื่น ๆ (13) เสื้อยืดสีดำ (14) เสื้อยืดสีขาว (15) เสื้อกันหนาว Patagonia (16) กระโปรงลายสก็อตสีเทา (17) เสื้อยืดตัวยาวเป็นชุดนอน (18) ถุงน่อง ของใช้ ก็จะมีเครื่องสำอาง ที่ทุกอย่างต้องเป็นขนาดไม่เกิน 100ml และอดเอาชุดมีดพก Victorinox ไปด้วย เพราะห้ามพกขึ้นเครื่อง 😭

ร้านหนังสืออิสระ ณ กรุงลอนดอน

Bild
  #ร้านหนังสือต่างประเทศ เดินเล่นเรื่อยเปื่อยตอนบ่าย ณ​ กรุงลอนดอน ข้อดีของการมาเที่ยวคนเดียวคือเราสามารถปรับเปลี่ยนตาราง ปรับเปลี่ยนแผน และการใช้เวลาในแต่ละที่ได้อย่างอิสระ ทำให้เมื่อเจอร้านหนังสือเก่า ก็สามารถแวะเข้าไปดู และเม้าส์มอยกับคนขายหนังสือได้ตามอัธยาศัย ร้านนี้ชื่อ Henry Pordes เป็นร้านหนังสือขนาดกลาง ที่ซุกตัวอยู่ริมถนนอันพลุกพล่านของย่าน Soho แค่เห็นหนังสือตรงตู้โชว์ ก็รีบเดินเข้าไปทันที สิ่งแรกที่กระทบโสตประสาทคือ #กลิ่นกระดาษ ของหนังสือหลากหลายประเภท คนที่ชมหนังสือในร้าน ก็มีหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยชรา ไปจนถึงวัยรุ่น เห็นแล้วประทับใจมากกก เดินเข้าหยิบจับ แบบระวังมาก บางเล่มถูกห่อไว้อย่างดีด้วยพลาสติก บางเล่มที่เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก จะมีแปะไว้ให้เห็นชัด แล้วบอกอีกว่ามีอยู่กี่เล่มที่ยังหลงเหลืออยู่ อย่างเล่มนี้ คือ Sense and Sensibility ฉบับปี 1899 แบ่งเป็น 2 เล่ม ที่ชอบมาก เพราะทั้งเล่มจะมีภาพประกอบสี่สีแบบนี้เป็นระยะระยะ เล่มนี้มีแล้วในคลังแสง เป็นฉบับภาษาอังกฤษ อยากจะหอบกลับมาเยอรมนีด้วย แต่พอไปถามราคา รีบวางแทบไม่ทัน ร้านขายสองเล่มในราคา 92 ปอนด์ คือก็อยากได้นะ แต่แบบ

ตามหาชานมไข่มุก ณ Oxford UK

Bild
  #หนีเที่ยวตามหาชานมไข่มุก เดือนนี้เป็นคิวของการเยี่ยมเพื่อนที่ใกล้จบปริญญาเอกหลังจากเริ่มเรียนมา 4 ปีและร่วมงาน รับปริญญาเพื่อนอีกคนที่จบโทจาก Oxford University ได้พูดคุยเรื่องการเรียนการสอนของนักเรียนเอกที่อังกฤษกับของที่เราเรียนที่เยอรมนี ก็รู้สึกว่ามีความต่างกันอยู่ในหลายจุด แต่ส่วนที่เหมือนกันคือการ on your own มีวินัย จัดสรรเวลา และวางแผนการเขียนให้ดี แน่นอนว่ามันคงมีช่วงเบื่อ ๆ ขี้เกียจเขียนบ้าง แต่ต้องจำกัดขอบเขต ว่าจะเกเรได้กี่อาทิตย์? แล้วกลับมาทำงานต่อ โดยหนึ่งในรายการที่ต้องทำคือหาของกินให้มากที่สุด เพราะอยู่เยอรมนีจะทำกินเองเป็นส่วนใหญ่ และรายการที่ต้องลองคือ #ชานมไข่มุก ค่าาา ที่เยอรมนีมีร้านไหนที่ดี ๆ บ้างคะ? คือลองหลายร้านแล้ว ดูดไปสองสามอึก ต้องกลั้นใจทิ้ง แบบ “นี่กล้าเรียกตัวเองว่าชานมไข่มุกได้ยังไง” เพื่อน ๆ ท่านไหนมีร้านชานมไข่มุกเด็ด ๆ แนะนำได้นะคะ

แวะเยี่ยม Sherlock Holmes และคุณหมอ Watson

Bild
  #2ndtimeinLondon ในฐานะติ่งของ Sherlock Holmes ก็ต้องแวะมาตำร้านขายของและพิพิธภัณฑ์ของนักสืบในตำนาน ประกอบกับ Enola Holmes 2 เพิ่งเข้า Netflix เลยยิ่งอิน - หนังสือมีทั้งแบบที่เหมาะกับนักสะสม นักอ่านทั่วไป และเด็กน้อยนักอ่าน เพราะมีทั้งเป็นแบบภาพประกอบ แบบเป็นเกมถอดรหัส หรือ escape room - ส่วนของพิพิธภัณฑ์ เป็นบ้านพักของ Holmes พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ไกด์อธิบายสนุกดี ฟังเพลินจนลืมไปว่า Holmes เป็นตัวละครของ Sir Arthur Conan Doyle ไม่ใช่คนจริง ๆ มีการแตะตำนาน Jack the Ripper ด้วย (จนทำให้อยากลองไปเดินแถว Whitechapel ถ้ามีเวลาพอ) ค่าเข้าชม 14£ (เพราะมีบัตรนักเรียนจากมหาวิทยาลัยที่เยอรมนี) จากปกติ 16£ - ของที่ระลึกก็หมดไปเกือบ 100£ ถุงผ้ากับน้องเป็ดซื้อฝากคุณแม่ที่บ้าน ส่วนหนังสือกับหมวกของฝ้ายค่าา #sherlockholmes สิ่งที่ชอบในการอ่านหนังสือชุดนี้คือการที่สามารถ “ตามรอย” ตัวละครได้อย่างใกล้ชิด อย่างบทนี้พูดถึงถนน Oxford Street ที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรมที่พัก หรือ Cavendish Square Gardens ที่อยู่ห่างจากโรงแรมด้วยการเดินเท้าแค่ 6 นาที ๐ อ่านไปก็สามารถเดินไปดูสถานที่จริงได้ด้วย ซึ่งบางบ้านเล

ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตที่เยอรมนี

Bild
  #เงินไหลมาเทมา เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนที่มี transaction ในบัญชีเยอะที่สุด มีรายการเงินเข้า 3 รายการ - #ค่าเช่าบ้าน ที่จ่ายรายเดือนไป ทางนิติแจ้งว่าเราจ่ายเกิน ก็เลยคืนเงินส่วนต่างกลับมาให้ #ค่าเทอม ที่รวมค่าตั๋วเดือนสำหรับรถไฟ ทางมหาวิทยาลัยโอนคืนส่วนต่าง ที่จ่ายไปก่อนที่ทางรัฐบาลประกาศใช้ตั๋ว 9€ ทั่วประเทศ #ค่าช่วยงานมหาวิทยาลัย ก็จากการที่ไปช่วยงานของ Prof. ก็ได้เงินค่าแรงกลับมา เป็นค่าอาหารสำหรับเดือนหน้า - ความชอบจากทั้งหมดนี้ คือ ไม่ต้องให้ไปตามทวง หรือไล่เบี้ย แค่มีจดหมายแจ้งมา แล้วก็โอนเงินเข้าบัญชีเลย - แต่เมื่อมีเงินไหลเข้า ก็ต้องมีเงินไหลออก และดูเหมือนเงินที่ไหลออกก้อนเดียว จะเยอะกว่าเงินไหลเข้าสามก้อนข้างบนรวมกันอี๊ก - #ค่าทำฟัน จ้าาาาาา คืองงใจกับหมอฟันที่นี่ คือค่าทำฟันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงสิงหาคม เพิ่งมาส่งจดหมายเรียกเก็บตอนเดือนตุลาคม แล้วให้เวลาอีก 30 วัน ในการโอนเงินเข้าบัญชีคุณหมอ - ถ้านี่เป็นคนเกเร หนีกลับไทยไปก่อนตุลา ค่าทำฟันก้อนนี้ นี่จะยังไง? ไปตามทวงกับประกันที่เรายื่นเป็นข้อมูลให้ไว้แบบนั้นรึ? - ขอจบการเสวนาแต่เพียงเท่านี้ และเตรียมเก็บเ

1899 กับการออกทะเล

Bild
  #1899Netflix ดูจบแล้ว เอาจริง ดีอยู่นะ มีสัญลักษณ์ เยอะมากกก ชอบความหลากหลายของภาษาและผู้คนที่เอามารวมกันบนเรือ มีลายเซ็นของผู้กำกับ D A R K ติดมาอยู่ แต่บอกตรง 1899 มีความเบา แบบไม่เครียดเท่าอ่ะ เราว่าเพราะดนตรีประกอบช่วยได้มากเลย มันเลยไม่เยอรมันจ๋า แบบหนัก ๆ (ทั้งสองซีรี่ย์ไม่เห็นการยิ้ม หัวเราะ หรือเล่นมุกอะไรเลย ซีเรียสสไตล์เยอรมัน) ดูแล้วไม่ปวดหัวเท่าคุณ Jonas กับการวนลูปของเค้า - ไม่สปอยเนอะ เพราะนี่ก็หนีสปอยมาได้ 3 วันล่ะ เอาเป็นว่า เป็นซีรี่ย์ที่ออกทะเล literally และพาลให้ไปหยิบ Prometheus หนังภาคต่อของแฟรนไชส์ Alien ที่ดีที่สุดมาดูล้างปากได้ หรือถ้าอยากหัวเราะหลัง 8 ชั่วโมงที่อยู่กับ 1899 ไปหยิบ The Guardians of the Galaxy มาดูก็ได้นะ เพลงจบ Starman ของ David Bowie บิ้วด์อารมณ์ต่อได้ดีเลยล่ะ - ดูเหอะ ไม่เสียเวลาหายใจ แถมได้ฟังภาษา อย่างน้อย ๆ 7 ภาษาเลยอ่ะ (อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน/โปรตุกีส จีน ญี่ปุ่น เดนิช โปลิช ขาดอะไรอีกมั้ยนะ?) ชอบมากกกกกก ทดสอบความเป็น immigrant อยู่ทวีปยุโรปได้ดีเลยทีเดียว - สุดท้าย ไม่คุ้นกับการได้ยินกัปตัน Eyk พูดภาษาอังกฤษเลยอ่าาาา มันไม่ด้า

การเมืองกับงานหนังสือ

Bild
"เราว่าไม่ควรเอาบูธการเมืองมาปะปนในงานหนังสือ เพราะมันจะกระตุ้นคนบ้าๆ มาก่อเรื่องวุ่นวาย คือคนไม่ชอบหนังสืออาจจะไม่ซีเรียส แต่คนที่รักหนังสือแล้วต้องอยู่ท่ามกลางความโกลาหลเพราะคนบอก "ระเบิด" ทำให้หนังสือที่ถือครองเสียหาย ถุงห่อหนังสือโดนชนตก โดนเตะโดนเหยียบ มุมเปิด ปกพับยุบเป็นจ้ำๆ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ😓 ต้องมาทนเห็นสภาพนี้ตอนห่อปกอีกอ่ะ ครั้งหน้าควรเป็นงานหนังสือเพียวๆ" - This doesn't seem right on many levels. ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่เห็น post นี้ในกลุ่มนักอ่านที่เราชอบเข้าไปสิงอยู่แล้วก็อดไม่ได้อ่ะ - #การเมืองกับงานหนังสือ ปัญหาของคนไทยรุ่นก่อนหน้าเราที่เป็น Gen Y จะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก เรื่องไกลตัว ทั้งที่จริง ๆ แล้วตั้งแต่เกิดจนตาย ชีวิตคนเรามีตรงไหนบ้างที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง? หนังสือเป็นเพียงสื่อกลางที่ใช้ในการสื่อสารความคิดเห็น งานหนังสือแบบนี้ ก็ควรเป็นพื้นที่เปิดกว้างให้ผู้อ่านมี "สิทธิเลือก" ว่าจะอ่านเล่มไหน? สำนักพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองฝั่งไหนก็ควรมีสิทธิที่จะเสนอขายหนังสือมั้ย? ถ้าประเทศนี้ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและปร

เคาะสนิมภาษาเยอรมัน ♥️ แวะจิบกาแฟกับ PwC Germany

Bild
    #เบลอว่ารักแถบ PwC Germany invited me for a coffee break. However, there was a misunderstanding of my PwC status while I let my German colleague solve the issue, it's time for a selfie Last time I was here was in 2016, it's been a while. - #ความประทับใจ #PwC เยอรมัน เข้าใจว่า เราสามารถใช้บัตรพนักงานที่เอามาจากไทย แตะขึ้นตึกได้ ก็เลยไม่ได้ลงมารับตรง reception (ซึ่งเราก็เอาบัตรพนักงานของไทยไปด้วยนะ แต่มันไม่น่าใช้กันได้อยู่แล้วมั้ย?) . และพอเราโทรไปบอกว่าต้องลงมารับ คุณผู้ชายก็ลงมาแบบงง ๆ แล้วตอนกำลังจะเดินผ่านจุดแตะบัตร พนักงานต้อนรับ เดินมาทักว่า “ต้องแลกบัตรนะ” ซึ่งจริง ๆ เราก็เตรียมแลกอยู่ แต่คุณเค้าก็บอกพนักงานไปว่า . “Sie ist eine von uns, PwC” (She is one of us, PwC) . เหมือนได้รับการปกป้อง ว่าเป็นพวกเดียวกันนะ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เข้าใจที่พนักงานต้อนรับถามตามหน้าที่ แต่เนื่องจากกำลังรีบ เพราะเลทแล้ว ก็เลยเดินขึ้นตึกแบบงง ๆ ในที่สุด - #ความภูมิใจ ปกติ เวลาที่เราติดต่อกับ PwC ทางเมล์ เราจะใช้ภาษาอังกฤษเสมอ แม้กับ PwC Germany ทีนี้ พอเจอหน้ากัน เราก็พูดเยอรมัน แล้วก็แจ