Posts

Es werden Posts vom 2023 angezeigt.

ประสบการณ์วิ่งขึ้นรถไฟและนิสัยใจคอของชาวเยอรมัน

Bild
เชื่อว่าชาวไทยที่มาเหยียบถิ่นเยอรมนี ต้องเคยมีประสบการณ์วิ่งไล่จับรถไฟกันทุกคนนะคะ อย่างวันนี้ ฝ้ายต้องเปลี่ยนขบวนที่ Siegen เพื่อกลับไปเมือง Gießen โดยมีเวลาเปลี่ยนขบวนแค่ 4 นาที ซึ่งถ้าขบวนมาถึงตรงเวลา ก็เฉียดฉิวอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้มาตัวเปล่า และยิ่งมีกระเป๋าเดินทาง มี baby พร้อมข้าวของของหนูน้อย หรือถ้าเป็นคนพิการทางสายตาอีก ที่ไม่มีทางวิ่งทันแน่ ๆ จะเปลี่ยนขบวนทันได้ยังไง เมื่อขบวนก็มาถึงสถานีช้าไปจากกำหนด 3 นาที 🙄 . สิ่งที่เราได้เรียนรู้วันนี้ หลังจากวิ่งเต็มสูบพร้อมลาก Rimowa มาตลอดทาง คือเห็นการทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่าของคนแปลกหน้า . คุณพ่อรับหน้าที่อุ้ม baby แล้ววิ่งมาให้ทันรถไฟ จากนั้น ยืนขวางประตูรถไฟไว้ จนเรามาถึง ก็ได้อานิสงส์ไปด้วย จากนั้น คุณภรรยาก็ตามมาสมทบพร้อมล้อเข็นเด็ก และเป้ที่ดูทรงแล้วน่าจะหนักอยู่ . พอหยุดพักพอหายใจหายคอได้แล้ว ก็แจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟ ที่เดินมาบอกให้คุณพ่อหยุดยืนขวางประตู ได้รับทราบว่า “มีคุณผู้หญิงพิการทางสายตา กำลังเดินมายังรถไฟนี้คนเดียว คุณช่วยเธอหน่อยสิ” ซึ่งพูดไม่ทันขาดคำ คุณผู้หญิงก็เดินมาถึงประตูรถไฟคนเดียว ด้วยไม้เท้าคู่ใจ

หอมกลิ่นไม้ป่าแห่งเยาว์วัยกับ Murakami

Bild
#Bookaholic #Murakami #NorwegianWood #Nostalgia I got this book from one of my close friends as I left home and began a new journey in Germany. I read the Thai version in 2008 and really disliked it - too much about love and grief - which was hard to comprehend for a person like me who’s never experienced such a thing. . In 2017, I found this book - German version - in a #secondhand bookstore - bought it just for Murakami’s sake though no appetite to reread it. Somehow in 2020, I felt that I should reread it and let me see 12 years later what I could learn from the book that most people suggest is the #easiest among other #weird books of Murakami. I brought it with me while I travelled to #irkutsk in Feb. . It did surprise me from the first paragraph. The story began in Germany - Hamburg in a plane (i was sitting on a plane to Russia 🇷🇺 ) and other tiny things about music, books, and the life of Tōru. It’s just the right time to read it. . I found that #rereading your old books is an

คืนนี้ไปอ่านหนังสือที่บาร์ไหนดี?

Bild
สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือ แต่เบื่อที่จะอ่านที่บ้านหรือตามร้านกาแฟ vlog นี้รวบตึง 6 บาร์ในเมืองกรุงที่เหมาะแก่การอ่านหนังสือและดื่มดำกับบรรยากาศยามค่ำคืน อย่างในรูปนี่คือสาว ๆ ข้างหลังเฮฮาแล้วกำลังเมาได้ที่ 😂😂😂 เกณ​ฑ์การคัดเลือกประกอบด้วย  1. การเดินทาง (1/10) เดินทางได้ด้วย BTS  2. ราคา (3/10) แพงได้ 1 คะแนน ย่อมเยากว่าได้ 3 คะแนน  3. dress code (0.5/10) หากต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานที่ ห้ามรองเท้าแตะ ได้ 0 คะแนน 4. พนักงาน (3/10) ดูแลใส่ใจดีได้ 3 คะแนน 5. เพลง (2/10) เล่นสดได้ 2 คะแนน 6. วิวบรรยากาศ (0.5/10) มีที่ให้ดูหรือมองออกไปข้างนอก หรือสถานที่สวยได้ 0.5 คะแนน ไล่ลำดับความชอบจากลำดับที่ 6 ไปหาลำดับที่ 1 นะคะ ลองทายดูนะคะ ว่ามีบาร์อะไรบ้าง บาร์ลำดับที่ 6 - 6.5/10 ราคารับได้ เพลง  Jazz เล่น สดดีมาก (0+3+0.5+1+2+0)  บาร์ลำดับที่ 5 - 5.5/10 ใกล้ BTS ศาลาแดง เดินได้สบาย ๆ (1+2+0.5+1+1+0)  บาร์ลำดับที่ 4 - 4.5/10 วิวหรูหรา ราคาก็เลยหรูหราตามสไตล์​ rooftop bar ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาพร้อมกับ dress code (0+1+0+2+1+0.5)  บาร์ลำดับที่ 3 - 5.5/10  ใกล้ BTS ช่องนนทรี สถานที่สวย มีมุมถ่ายร

เยอรมัน - ตัวแม่แห่งการเก็บขวดเพื่อรีไซเคิล

Bild
จากความเห่อ ChatGPT เพื่อจะทดลองว่าใช้การได้จริงขนาดไหน?​ เลยลองทดสอบด้วยคำถามว่า  "อะไรคือปัจจัยแห่งความสำเร็จของการเก็บขวดพลาสติกกลับเข้าระบบรีไซเคิล?" จากภาพของสถิติในปี 2015 ที่มักได้รับการพูดถึงก็คือ เยอรมนี มีอัตราการรีไซเคิลขวด PET สูงถึง 94% เทียบกับประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงแล้ว ห่างกันแบบไม่ติดฝุ่นเลยทีเดียว คำถามคือ "เยอรมนีทำได้ยังไง?" เวลาคุยเรื่องนี้กับบริษัทใหญ่ ๆ ในไทยหรือตามวงสัมมนาต่าง ๆ เราจะได้ยินคำว่า  "ก็คนเค้ามี #จิตสำนึก ไง คนไทยไม่มีหรอก" ตรงนี้ คนเยอรมันเองได้ยินก็จะส่ายหัวว่า ไม่จริงหรอก แต่ที่มันสำเร็จ ก็เพราะว่ามีปัจจัยเกื้อหนุนมากมาย ที่สอดคล้องกับที่คุยกับคุณ Open AI ที่ก็ร่ายยาวมา ตามที่เรายิงคำถามไป ซึ่งอ่านแล้วค่อนข้างจะพยักหน้าหงึกหงักว่า "เออ ก็พูดได้ครอบคลุมอยู่นะ ที่นี้ จะตรวจการบ้านนักศึกษาได้ยังไงล่ะ ถ้า AI จะตอบได้หรูหราแบบนี้" อัตราการเก็บขวดคืนที่สูง เนื่องมาจาก "ระบบการจัดเก็บ" ทั่วประเทศที่มีประสิทธิภาพสูง "รัฐบาล" สนับสนุนอย่างจริงจัง ด้วยการทั้งให้เงินอุดหนุนกิจกรรมส่งเสริมการรีไซเค

ราคาของคำโกหก x Chornobyl

Bild
#ราคาของคำโกหก ดู miniseries เรื่อง #Chornobyl (ขอสะกดด้วยตัว O แทนตัว E เพื่อเป็นการสะกดในภาษายูเครน) แล้วรู้สึก "สะพรึงกลัว" มาก ว่าคำโกหก ที่ซ้อนคำโกหก และซ้อนคำโกหก จนความจริงถูกฝังเลือนด้วยคำโกหกที่ทับถมกันจนขุดหาต้นตอไม่เจอ มันมีต้นทุนที่มหาศาลขนาดไหน? จากคำให้การและหลักฐานต่าง ๆ ลงความเห็นว่า คำโกหกของโรงไฟฟ้า Chornobyl เป็นโดมิโน่ตัวแรกที่นำมาซึ่งความล่มสลายของสหภาพโซเวียต อาณาจักรอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ของสองทวีป . บทเรียนจากการที่ภาครัฐกระทำการปิดหู ปิดปาก ปิดตา ไม่รับฟังความเห็นของประชาชน และไม่เปิดให้ประชาชนรับรู้ความจริง มักจะแลกมาด้วยการลุกฮือ และจบลงด้วย "หายนะ" ทุกครั้ง ด้วยผลลัพธ์ที่ไม่มีฝ่ายไหนเป็นผู้ชนะไปได้ตลอด เห็นได้จากทางการพยายามเกณฑ์คนงานเหมืองไปขุดดินด้วยมือเปล่าโดยไม่ยอมบอกว่าเป็นเรื่องอะไร? โดยบอกว่าเรื่องนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้ และมีทหารถือปืน พร้อมที่จะใช้ความรุนแรง ก็ไม่สามารถทำให้คนงานเหล่านั้น "อยาก" ที่จะสละชีพเพื่อชาติ หรือ "เชื่อฟัง"​ แต่อย่างใด เห็นได้จากหัวหน้าคนงานพูดว่า "คุณไม่มีกระสุนปืนพอที

ฝึกภาษาเยอรมันกับไพ่ทาโรต์

Bild
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องราวของไพ่ทำนายอนาคต ไพ่ทาโรต์ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยม ซึ่งก็มีไพ่แตกแยกย่อยออกไปอีก ไม่ว่าจะเป็นไพ่อักษรรูน ไพ่เลอนอร์มองด์ และไพ่ออราเคิล ที่ก็จะมีวิธีทำนายและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ  ทีนี้ ไม่ได้มาชวนดูดวงนะคะ 😂😂😂 คือดูไม่เป็น ที่ซื้อมาทั้งหมด 9 สำรับ ตลอดเวลา 13 เดือนที่อาศัยที่เยอรมนีก็เพื่อเอามาเป็นเพื่อนเล่น แล้วชอบดูรูป กับสงสัยเรื่อง "ความน่าจะเป็น"​ เช่น ไพ่หนึ่งสำรับมี 78 ใบ โอกาสที่จะได้ไพ่ major Arcana อย่าง The Sun คู่กับไพ่ The Lover เป็นเท่าไหร่?​ มีการทำข้อมูลใส่ excel sheet ตลอดเวลาสามเดือนไว้ด้วย  สิ่งที่อยากนำเสนอคือ เราสามารถ #ฝึกภาษาเยอรมัน หรือภาษาอังกฤษได้จากการหยิบไพ่ทาโรต์ออกมาในแต่ละวัน เหมือนเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งตอนเช้าหรือก่อนนอน เข้าไปรับชมได้จาก YouTube เลยนะคะ จะได้ดูไพ่สำรับต่าง ๆ ไปด้วย เผื่อชอบชุดไหนจะได้ลองไปปรับใช้กับการเรียนภาษาและเผื่อค้นพบทักษะการอ่านไพ่เป็นของแถมอีกด้วย 

หนังสืองงงงของนักเขียนญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนี

Bild
#รีวิวหนังสือ Sendbo-o-te (เยอรมัน) #ผู้อัญเชิญไฟ (ไทย) หรือ Emissary (อังกฤษ) - Yoko Tawada เล่มนี้ลองอ่านเพราะได้รับการแนะนำมาและประวัติผู้เขียนก็น่าสนใจ คือ เป็นคนญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมนี และเขียนหนังสือทั้งภาษาญี่ปุ่นและเยอรมันออกมามากมาย ฝ้ายจะรีวิวบางตอนที่น่าสนใจนะคะ - หนังสือมี #ความประหลาด และผสมปนเปมากมาย ตั้งแต่ #ระดับปัจเจกบุคคล คือความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เด็กน้อยเติบโตมากับญาติผู้ใหญ่ โดยปราศจากพ่อแม่ ซึ่งกลายเป็น “บรรทัดฐาน” ของสังคมในเรื่องราวนี้ ดังนั้น การที่เด็ก ๆ ไปโรงเรียน แล้วก็พบว่าเด็กคนอื่น ๆ ก็ถูกเลี้ยงดูโดยคุณทวดมากกว่าพ่อแม่ ทำให้การล้อเลียนว่า “ลูกกำพร้า” “ลูกไม่มีพ่อมีแม่” หรือ “พ่อแม่ไม่รัก” ไม่มีผลอย่างใดเลย อีกทั้งการสอนคำว่า “พ่อแม่” ไม่มีความจำเป็นในบริบทนี้ - #ระดับสังคม มีการพูดถึงความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิม ซึ่งที่น่าสนใจมาก คือมีการพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และความมักง่ายของสังคมมนุษย์แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ในเนื้อเรื่อง ที่ฝ้ายอ่าน ๆ ไป ก็รู้สึกแบบ “โห นี่หนังสือเล่มนี้ พูดเรื่องความยั่งยืนเรอะ?” การทิ้งขยะลงทะเล โดยยกตัวอย่างจ

Unfaithful (2002) x Reading is sexy

Bild
  หวนนึกถึงหนังเรื่องนี้ที่เคยดูเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เนื้อเรื่องก็เก่า ๆ คือการนอกใจของผู้หญิงที่เป็นแม่กับชายหนุ่มรูปงามอายุน้อยกว่า แต่วิธีการเล่าเรื่อง การแสดง ตราตรึงใจมาก แนะนำให้ไปหาดูกันนะคะ ไม่เสียเวลาชีวิต ทีนี้ สิ่งที่เราประทับใจคือ วิธีการหว่านเสน่ห์ของพ่อหนุ่มคนนี้ คือ "หนังสือ"​ ค่าาาาา ฉากหลังของการเล่าเรื่องคือห้องพักของชายหนุ่มที่แทบไม่มีพื้นที่ให้ยืน แต่มีชั้นหนังสือสูงตระหง่าน ชายหนุ่มบอกทางให้หญิงสาว  - เดินไปที่ชั้นหนังสือ  - หยิบเล่มที่ 6 จากชั้นที่ 2 ออกมา - เปิดไปหน้าที่ 42 - แล้วอ่านย่อหน้าที่ 2  เนื้อเรื่องที่หญิงสาวเริ่มอ่านออกเสียง มีดังนี้ Drink wine. This is life eternal.  This is all that youth will give you. It is the season for wine, roses and drunken friends. Be happy for this moment. แล้วชายหนุ่มก็ประสานเสียงจากความทรงจำในท่อนสุดท้ายของบทกวีว่า This moment is your life.  เป็นการ seduce ที่เอาจริง ๆ โหดมากค่าาาาา อ่ะ กลับมาเอาสาระ บทกวีดังกล่าวนี้ เป็นงานประพันธ์ของ  عمر خیّام  หรือ Omar Khayyam ในหนังสือที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า &quo

อยากอ่านหนังสือปรัชญา ควรเริ่มเล่มไหนดี?

Bild
  เนื่องจากมีลูกเพจถามเข้ามานะคะ ว่าถ้าอยากเริ่มอ่านหนังสือ #ปรัชญา ควรจะเริ่มจากเล่มไหนดี? ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า scope ของหนังสือที่นำเสนอวันนี้จะเป็นหนังสือที่มีอยู่ที่เยอรมนีตลอดปีกว่า ๆ ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่นะคะ โดยจะแบ่ง "ความยาก" ออกเป็น 3 ระดับนะคะ ระดับ 1 เนื้อหาไม่ยาก อ่านง่าย เล่มไม่หนา  Paulo Coelho, The Alchemist Haruki Murakami, What I Talk About When I Talk About Running ระดับ 2  เนื้อหาไม่ยาก อ่านไม่ยากมาก แต่เล่มหนา Fredrik Backman, Anxious People Henry David Thoreau, Walden Orhan Pamuk, My Name is Red Voltaire, Candide and other stories ระดับ 2  เนื้อหาไม่ยาก อ่านไม่ยากมาก แต่ต้องอาศัยความเข้าใจบริบทของสตรีในสมัยนั้น Emily Brontë, Wuthering Heights Charlotte Brontë, Jane Eyre Virginia Woolfs, Mrs. Dalloway Simone de Beauvoir, The Second Sex ระดับ 3 เนื้อหายากแก่การทำความเข้าใจ บริบทเฉพาะเจาะจงตามประเทศของผู้เขียน มีทั้งหนาและบางมาก อ่านเพื่อได้อ่าน และสามารถบรรจุเป็นเป้าหมายชีวิต อ่านในวัยเกษียณ Franz Kafka, Metamorphosis, The Trial, The Castle Goethe, Faus

หนังสือต้องห้ามของอินโดนีเซีย

Bild
  #หนังสือต้องห้าม หนังสือเล่มนี้ได้รับการแนะนำจาก #คนแปลกหน้า ที่ไปเจอกันในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ฝ้ายกำลังอ่านหนังสือของ #มุราคามิ อยู่ สองหนุ่มแนะนำให้ลองอ่านงานเขียนของนักเขียนท่านอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้าง ก็เลยลองสั่งซื้อดู คือได้มาตั้งแต่ 8 Sept 2018 แต่ก็ดองไว้นาน จนกระทั่ง เพื่อนร่วมทีมชาวอินโดที่มาทำงานที่ไทย 3 เดือน ก็ซื้อหนังสือเล่มนี้มาให้ฝ้ายเหมือนกันโดนบังเอิญ ก็เลยคิดว่าต้องอ่านล่ะ - ผู้เขียน เขียนเรื่องนี้ระหว่างที่ถูกจำคุก เป็นนักโทษการเมือง ดังนั้น แก่นของหนังสือจึงหนีไม่พ้นเรื่องที่หนักหน่วงและถูกแบนระยะหนึ่งในประเทศ เนื้อเรื่องอาจจะอ่านไม่ง่าย กล่าวถึงอินโดที่ยังอยู่ภายใต้อาณานิคมของฮอลแลนด์ เนื้อหาเริ่มด้วยการตกหลุมรักของคนหนุ่มสาว ที่สอดแทรกความไม่เท่าเทียมกันในสังคมในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น เพศสภาพ เชื้อชาติ การศึกษา การเข้าถึงทนาย และการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม - ขอนำบางตอนมาฝากตามนี้ค่ะ "...Oh Amsterdam court! You have never even seen us, How can a court, and a European court too, manned by very educated people, experienced in matt

Bullying การกลั่นแกล้งในโรงเรียนประจำ

Bild
  #วันเด็ก2566 กับการกลั่นแกล้งในโรงเรียนประจำ  ก่อนอื่นรูปประกอบไม่เกี่ยวกับเพื่อน ๆ ในรูปนะคะ เพียงแต่เป็นรูปเดียวที่มีติดอยู่ใน iPhoto เป็นตอนที่ทุกคนมานั่งเรียงถ่ายรูปกับผลงานประดิษฐ์ในโอกาสอะไรก็ไม่รู้ (ผลงานของเราคือกรอบกระจกที่สะท้อนแสง flash นี่ล่ะ กับกล่องกระดาษทิชชู่ทำจากกล่องเหล้า) เราเคยเล่าเรื่องวัยเด็กไว้ใน blog นี้เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว แต่เห็นข่าวเรื่องการ #bullying หนาหูขึ้นเรื่อยในสื่อต่าง ๆ และเรื่อง #TheGlory ที่กำลังเป็นกระแสใน Netflix เลยขอใช้โอกาสในวันเด็กปีนี้ แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนและวิธีที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างไร หลาย ๆ เรื่องอาจจะเก่าไปแล้วเพราะก็ผ่านมา 30 ปีแล้วอ่ะนะ เราเป็นเด็กนักเรียนประจำ (หรือนักเรียนกิน-นอนอยู่ที่โรงเรียน หรือเด็กหอ ก็แล้วแต่จะเรียก) ในโรงเรียนหญิงล้วนที่ประกอบไปด้วยนักเรียนแบบไปเช้าเย็นกลับตามปกติผสมกับนักเรียนประจำ (สัดส่วนนักเรียนประจำประมาณ 10% ต่อนักเรียนทั้งหมดในระดับประถม แต่ถ้าระดับมัธยม ตัวเลขจะเป็น 30%) โดยนักเรียนประจำสมัยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัด มีแค่ไม่เกิน 3 คนในรุ่น

How Democracies Die ประชาธิปไตยคืออะไรน้าา???

Bild
  บทความนี้เป็นการรวบรวมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนท่านหนึ่งเรื่องหนังสือที่ได้อ่านมานะคะ เขียนไว้ตั้งแต่ 11 ตุลาคม 2020 สองปีผ่านไป กลับมาอ่านใหม่ ก็รู้สึกว่ายังไม่ต่างจากเดิมเลย หนังสือ How Democracies Die พิมพ์ครั้งแรกปี 2018 ใช้เวลาอ่านประมาณ 15 วัน สำหรับหนังสือ 231 หน้า บทนำ และบทสรุปกล่าวถึง ประชาธิปไตยในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะเป็นการเล่าถึง Trump ซะเป็นส่วนใหญ่ และเป็นการพูดถึงว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ประชาธิปไตยของอเมริกาอยู่ในจุดที่ถดถอยหรือสั่นคลอน - หนังสือพูดถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ประชาธิปไตย จะตายจากการใช้ กำลังทหารผ่านควันปืน โดยยกตัวอย่างประเทศไทยเป็นกรณีศึกษา ในยุคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หากแต่สิ่งที่หนังสืออยากพูดถึงในรายละเอียด คือการสั่นคลอนของประชาธิปไตยที่เหล่า อำนาจนิยม/เผด็จการแอบซ่อน ปลอมตัว หรือแฝงตัวมาในคราบผู้นำผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นแบบที่แยบยลกว่าการปล้นเอาโต้ง ๆ - ชอบที่ผู้เขียน เอาประวัติศาสตร์การเมืองของอเมริกา ตั้งแต่การก่อร่างสร้างประชาธิปไตยในกรุง Philadelphia (ที่เราก็ได้ไปดูของจริงมา เมื่อต้นปีนี้ ก่อนโควิดจะระบาด) มาบอกเล่าการเจริ

น้องหมากับร้านอาหารในเยอรมนี

Bild
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาลองไปชิมอาหารเกาหลีที่ร้าน Sonamu ในกรุง Frankfurt am Main ครั้งแรก ไปถึงตอนบ่ายโมงนิด ๆ โดยไม่ได้จองร้านไว้ ก็จบสิคะ ทางร้านแจ้งมาว่า ไม่มีที่นั่งว่าง แม้ว่าจะเดินทางไปคนเดียวก็ตามที #lessonslearned วันนี้คือ ถึงแม้จะกินกลางวันและไปคนเดียว หลาย ๆ ครั้งก็ไม่มีที่ว่างนะคะ สรุป ได้ที่นั่งตอน 14:30 ก็เลยไปเดินหาร้านกาแฟ นั่งอ่านหนังสือรอ (ซึ่งบังเอิญมากกก ที่ร้านดีงามกว่าที่คิด ถูกใจ แบบครั้งหน้าจะแวะมานั่งอีก) พอถึงเวลา ก็ได้นั่งโต๊ะข้าง ๆ กับสามี ภรรยา ชาวเยอรมัน ที่มองเราอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าจะสั่งอะไร โดยฝั่งภรรยาบ่นแบบขำ ๆ ว่ากิมจิ เผ็ดจัง และพอได้ยินเราสั่งอาหารเป็นภาษาเยอรมัน บทสนทนาเลยเริ่มขึ้น (และไม่หยุดเลยตลอดการกินกลางวัน) แน่นอน ถามก่อนเลยว่ามาจากประเทศอะไร?​ และเช่นกัน ทั้งสองคนเคยไปเที่ยวไทย และชอบอาหารไทยมากกกก ภรรยายังถามเราว่า   - "ได้ยินข่าวที่มีการจัดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุด แล้วอาหารไทยได้ที่ 30 มั้ย? บ้าบอมากเลย" - ดูสิ ขนาดคนเยอรมันยังรู้อ่ะ ว่าอาหารไทยยืนหนึ่งขนาดไหน แล้วก็คุยกันต่อเรื่องอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารไทย อาหารจีน

นิยายสืบสวนที่กลายร่างเป็นหนังสือชิมอาหารที่น่าเบื่อสุดเท่าที่เคยอ่านมา

Bild
กว่า 200 หน้าที่ทนอ่าน "คุณนั่นแหละ... คือฆาตกร" ของ Kanae Minato เสียเวลาชีวิตมากเลยอ่ะ ซื้อหนังสือเล่มนี้จากสนามบินสุวรรณภูมิตอนกำลังจะบินกลับมาที่เยอรมนีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 โดยปกติ เป็นแฟนเดนตายของ Agatha Christie, Sherlock Holmes, คินดะอิจิ ฉบับมังงะ และโคนัน คืออ่านได้ไม่หลับไม่นอนอ่ะ ส่วน หนังสือสืบสวนสอบสวนของชาวญี่ปุ่นเราจะอ่านจบภายในคืนเดียว หรืออย่างมากก็ 2-3 วัน เช่น คดีฆาตกรรมบ้านสิบเหลี่ยม คฤหาสน์แมวดำ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ และอื่น ๆ ซึ่งก็อิ่มเอมใจตามสมควร  แต่เล่มนี้ คือเพิ่งอ่านจบวันที่ 7 มกราคม 2566 ณ เวลา 23:22 น. ตามเวลาเยอรมนี คือกี่เดือนนะ?​ แบบทนอ่านให้จบเพราะคิดว่า "อาจจะมีอะไรบ้างน่ะ"​ คือเกือบ 5 เดือน พอจบแล้วอยากเขวี้ยงทิ้ง โกรธมากกก คือทั้งความน่าเบื่อที่เนือย ๆ ทั้งตัวเอกฟุคาเสะ ที่นิสัยโคตรจะน่ารำคาญ เป็นแบบที่เราคงไม่คิดจะสุงสิงด้วย ทั้งความโลกสวยของตัวละครหญิง และไม่เข้าใจว่าจะใส่เรื่องอาหารมาทำไมเยอะแยะ คือพอเดาทางได้ว่า มันคงจะมีอะไรเกี่ยวกับอาหารนี่ล่ะ แต่นี่มันจำเป็นมั้ยที่ครึ่งเล่มเป็นเรื่องอาหาร?  พอมีตอนที่พูดถึงจัดคนตามปร

สรุปหนังสือที่อ่านประจำปี 2022

Bild
  จากปีที่แล้วที่เริ่มจัดระบบการอ่านหนังสือ เพื่อพยายามจะทลายกองดอง ก็พบว่าหนังสือที่มีกว่า 300 เล่ม มาจากนักเขียนจาก 38 ประเทศ โดย TOP 5 ของประเทศที่มีหนังสือเยอะสุด of all time คือ นักเขียนชาวไทย 75 เล่ม นักเขียนชาวอเมริกัน 60 เล่ม นักเขียนชาวอังกฤษ 56 เล่ม นักเขียนชาวญี่ปุ่น 50 เล่ม นักเขียนชาวเยอรมัน 30 เล่ม ตลอดปี 2022 ซื้อหนังสือเพิ่มทั้งหมด 67 เล่ม และอ่านจบไป 37 เล่ม โดยจำนวนนี้ (ไม่รวมที่อ่านหนังสือที่ซื้อมาในปีก่อน ๆ) อ่านไปทั้งหมด 54% (11,746 หน้า จากทั้งหมด 21,858 หน้า) จากที่เคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องอ่านหนังสือจากนักเขียนหลากหลายประเทศมากขึ้น ปีนี้ก็สามารถเพิ่มความหลากหลายของนักเขียนได้อีก 6 ประเทศ ดังนี้ อัลจีเรีย Apuleius, The golden ass บราซิล Paulo Coelho, The Alchemist เลบานอน  Saifedean Ammous, The Bitcoin standard และ Kahlil Gibran, The Garden of the Prophet ตุรเคีย  Orhan Pamuk, My name is Red แทนซาเนีย  Abdulrazak Gurnah, Paradise ฟิลิปปินส์  Maria Ressa, How to stand up to a dictator บางเล่มในกลุ่มนี้มีเขียน review ไว้แล้ว สามารถกดที่ชื่อหนังสือได้เลยถ้าสนใจอ่า