7+ ปี ใต้ปีกอินทรีเหล็ก

  เป็นหนังสือที่ได้ยินชื่อมานานมากกก แต่เพิ่งได้โอกาสอ่าน แล้วพบว่า เป็นหนังสือที่ดีงาม แต่ยังไม่ประทับใจเราเท่าไหร่ สำหรับเรา หนังสือที่ประทับใจ ต้องเป็นหนังสือที่เมื่ออ่านจบแล้ว คนอ่านไม่จบ แต่ต้องไปตามหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบนั้น แต่ทำให้เราคิดถึงเรื่องอื่น ๆ ในระหว่างที่อ่าน เช่น The Kite Runner: Khaled Hosseini (2003) The Matrix (1999) Shawshank Redemption: Stephen King (1982) Siddhartha: Hermann Hesse (1922) Interstellar (2014) The Witcher (2019) Harry Potter: Joanne K. Rowling (1997) ซึ่งเอาจริง ๆ แค่นี้ ก็น่าจะเพียงพอแก่การเริ่มหยิบมาอ่านแล้วนะคะ  - Prologue พูดถึง Narcissus จากเทพปกรณัมกรีกและโรมันโบราณ ซึ่งเราว่าเป็นการเปิดม่านที่น่าสนใจมาก เหมือนกับเป็นคำใบ้ว่าถึงแม้หนังสือเรื่องนี้จะเล่าถึงการเดินทางแบบ roadtrip (ที่เปลี่ยนจากรถยนต์ เป็นม้าและอูฐแทน) แต่แก่นของเรื่องเป็นการชี้ให้มองกลับมาที่ "ตัวตน" ข้างในของมนุษย์มากกว่า - ชอบและประหลาดใจที่เนื้อเรื่องมีสอดแทรก how-to ในการทำธุรกิจด้วย อ่านไปก็เลิกคิ้วไปทีเดียว สำหรับคนที่เลี่

#ร้านหนังสือ  วัฒนธรรมการอ่านหนังสือที่รุ่มรวยมากของชาวเยอรมัน  ย้ายมาอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ใกล้ Frankfurt am Main ที่มีประชากรไม่ถึง 90,000 คน แต่มีร้านหนังสือมากกว่า 3 ร้านในถนนหลัก ไม่รวมร้านอิสระของรายย่อยอีก เดินหลงเพลินเป็นชั่วโมง ชอบการจัดร้าน แบ่งมุมแยกประเภทของหนังสือ กลุ่มนิยายสอบสวน กลุ่มแฟนตาซี กลุ่มนิยายคลาสสิค กลุ่มการเมือง กลุ่มนักเขียนชาวเยอรมัน กลุ่มโลกร้อน กลุ่มชีวประวัติ กลุ่มเด็กน้อย ที่ประทับใจเพราะมีเด็ก ๆ นั่งอ่าน นั่งเลือกหนังสือเอง กลุ่มมังงะ ที่ใหญ่และน่าภาคภูมิใจของ (real) soft power จากญี่ปุ่น กลุ่มอวกาศ กลุ่มบอร์ดเกม ที่น่าสนใจที่สุดคือ  #หนังสือติดอันดับขายดี  ของชาวเยอรมัน คือ นิยายและหนังสือแบบความรู้วิชาการ ซึ่งรู้สึกว่าแตกต่างจากร้านหนังสือในไทยมาก ที่หนังสือขายดีส่วนใหญ่จะเป็นแนว  How to - life coach  การพัฒนาตัวเอง  การลงทุน คือ งง ว่าเค้าไม่อ่านกันรึ? เล่มเดียวที่ขายดีเหมือนไทยคือของ Yuval นอกนั้น คนละเรื่องเลย ก่อนกลับได้น้องมา 2 เล่ม โดย  dragon ball  ที่ซื้อมา (มีอยู่เล่มเดียว) ทางร้านลดราคาให้ 2€ เพราะปกมันยับนิดหน่อย เราบอกเองว่าไม่เป็นไร แต่ทางร้

เป็นนิยาย classic อีกเล่มหนึ่งที่นักอ่านควรที่จะอ่านสักครั้ง แต่อาจไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำ #รีวิวหนังสือ เล่มนี้ ลองทั้งแบบเขียนตามปกติ และทั้งแบบมีทั้งภาพและเสียง สำหรับคนที่ชอบฟัง ซึ่งบางครั้งฝ้ายว่ามันสื่ออารมณ์ได้มากกว่าการเขียนเพียงอย่างเดียว ใครมีเวลาก็ลองเปิดฟังเป็น BG noise ได้นะคะ - หนังสือค่อนข้างเก่า ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 184X โดยในหน้าแรก ก็เริ่มเรื่องว่า เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1801 ดังนั้น คนรุ่นหลังอย่างเรา ๆ อาจจะนึกภาพตามให้อินได้ลำบาก - ฉากหลังน่าเบื่อมาก แบบ มีแค่อยู่ในบ้านสองหลัง บรรยากาศอึมครึม สไตล์ชนบทอังกฤษ จริง ๆ ถ้าเป็นฉากหลังของนิยายฆาตกรรมลึกลับซ่อนเงื่อน นี่จะเหมาะมากเลยนะ แต่อันนี้ มาเป็นฉากหลังของนิยายรัก เลยรู้สึกผิดแผกเล็ก ๆ - หนังสือเริ่มต้นด้วยแผนผังของตระกูล ที่อ่านแล้ว อิหยังวะ ตั้งแต่ต้น ว่าทำไมปีตายมันใกล้ ๆ กัน จนทำให้สงสัยตลอดทั้งเรื่องว่า พวกเขาตายยังไง? ฆ่าตัวตายตามกันหรือฆาตกรรม? แล้วก็เห็น incest ที่เด่นชัดมาก แบบก็มันมีกันอยู่แค่สองบ้านอ่ะนะ โลกนี้มีกันแค่นี้เลย - โครงเรื่องจะค่อนข้างเหมือน inception ที่เป็นเรื่องเล่า ในเรื่องเล่าอีกที เพร

#watchmen #รีวิวหนังสือ Who watches the Watchmen? Quis custodiet ipsos custodes? - มีใครเป็นแฟนพวก #graphicnovel บ้างคะ? เอาจริง ๆ เนื้อเรื่องมันหนักมากกกอยู่ แต่เนื้อหาไม่เก่าเลย ถึงแม้จะถูกเขียนขึ้นยุคหลัง #สงครามเย็น ที่ผู้คนกังวลเรื่องความขัดแย้งของสองขั้วอำนาจ และการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ตอนนี้มันกลายเป็น a real life story - not surreal anymore. - หากใครเคยอ่านหนังสือขึ้นหิ้งอย่าง 1984 ของ Orwell ก็คงคุ้นเคยกับบรรยากาศของการถูกสอดแนม การไม่ไว้ใจอำนาจรัฐ เชื่อในทฤษฎีสมคบคิด นิยายเรื่องน้ีของ Alan Moore สามารถสร้างบรรยากาศนั้นขึ้นมาได้เช่นกัน เพิ่มเติมความเป็น superhero เข้าไปในความธรรมดาของ 1984 - เราใช้เวลาอ่านนานมากกว่าที่คิด เพราะชอบดูพวก background ของแต่ละช่อง เหมือนมีอะไรให้คอยมองหาว่ามีอะไรซ่อนอยู่บ้าง แบบพาดหัวข่าว มีใครแอบอยู่ตรงมุมไหนมั้ย? สนุกกว่าดูหนังอีก 😽😽😽 . แต่ก็ชอบหนังมากนะคะ https://www.youtube.com/watch?v=wdiHDzT6YbQ ถือว่าเป็นหนัง superhero ที่มาก่อนกาล ปอกเปลือกว่า superhero ก็มี รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนทั่วไป แบบคือตอนแรกตกใจที่ superhero คนนึง ข