Wuthering Heights ลุ่มหลง ดุดัน รุนแรง หลอกหลอน





เป็นนิยาย classic อีกเล่มหนึ่งที่นักอ่านควรที่จะอ่านสักครั้ง แต่อาจไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำ




#รีวิวหนังสือ เล่มนี้ ลองทั้งแบบเขียนตามปกติ และทั้งแบบมีทั้งภาพและเสียง สำหรับคนที่ชอบฟัง ซึ่งบางครั้งฝ้ายว่ามันสื่ออารมณ์ได้มากกว่าการเขียนเพียงอย่างเดียว ใครมีเวลาก็ลองเปิดฟังเป็น BG noise ได้นะคะ
-
หนังสือค่อนข้างเก่า ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 184X โดยในหน้าแรก ก็เริ่มเรื่องว่า เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1801 ดังนั้น คนรุ่นหลังอย่างเรา ๆ อาจจะนึกภาพตามให้อินได้ลำบาก
-
ฉากหลังน่าเบื่อมาก แบบ มีแค่อยู่ในบ้านสองหลัง บรรยากาศอึมครึม สไตล์ชนบทอังกฤษ จริง ๆ ถ้าเป็นฉากหลังของนิยายฆาตกรรมลึกลับซ่อนเงื่อน นี่จะเหมาะมากเลยนะ แต่อันนี้ มาเป็นฉากหลังของนิยายรัก เลยรู้สึกผิดแผกเล็ก ๆ
-
หนังสือเริ่มต้นด้วยแผนผังของตระกูล ที่อ่านแล้ว อิหยังวะ ตั้งแต่ต้น ว่าทำไมปีตายมันใกล้ ๆ กัน จนทำให้สงสัยตลอดทั้งเรื่องว่า พวกเขาตายยังไง? ฆ่าตัวตายตามกันหรือฆาตกรรม? แล้วก็เห็น incest ที่เด่นชัดมาก แบบก็มันมีกันอยู่แค่สองบ้านอ่ะนะ โลกนี้มีกันแค่นี้เลย
-
โครงเรื่องจะค่อนข้างเหมือน inception ที่เป็นเรื่องเล่า ในเรื่องเล่าอีกที เพราะอย่างที่บอก ตัวละครตายกันไปหมดแล้ว และเป็นการรับรู้จาก Point of View (POV) ของแม่บ้านเป็นหลัก แทรกด้วยคนอื่นบ้างเล็กน้อย
.
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเราคือ เวลาที่เนื้อเรื่องเกิดจากการฟังว่า "บุคคลที่หนึ่ง" เป็นคนเล่าเหตุการณ์ เราจะ เอ๊ะ! ตลอดว่า
.
"นี่คือคุณต้องเxอกมากเลยนะ ถึงได้ยินคนอื่นพูดขนาดนี้"
.
แต่เล่มนี้ พอเราเริ่มรู้สึกว่า
.
"เอิ่ม เป็นไปไม่ได้ที่เนลลี่จะได้ยินทั้งหมดนี้"
.
บรรทัดต่อมา Brönte ก็ตัดจบว่า เนลลี่ ไม่ได้ฟังต่อล่ะ เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไงต่อ มันก็จะหงุดหงิดสำหรับคนอ่าน ว่ายังไงต่อนะ? แต่ก็เป็นความฉลาดของคนเขียน ที่ทำให้คนอ่านอยากอ่านต่อ เผื่อเนื้อเรื่องจะเปิดเผยในภายหลัง
-
ตัวละครหลักคือ Heathcliff ที่เราสงสัยที่มาของความร้ายกาจแบบหลุดโลกนี้ของเขา คือเขาร้ายแต่เกิดหรือเพราะคนที่บ้านทำให้เขาร้าย?
-
ถึงแม้จะเป็นนิยายรัก แต่ Brönte สามารถบรรยายความรัก ลุ่มหลง ลึกซึ้ง ในหลาย ๆ บริบทได้โดยไม่ต้องใช้คำว่า "รัก" เลยด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ไม่อ่านนิยายรัก ก็ถือว่าเปิดโลกได้ดีเลยล่ะ ว่าความรักที่ฝังลึกและรุนแรง แต่เป็นแบบ gothic มันไปได้ขนาดไหน คือตอนอ่าน อ่านไปก็แบบ "เราเข้าใจถูกใช่มั้ยนะ?"
-
หงุดหงิด 1: ผู้ชายในเรื่องมันจะอ่อนแอไปไหน? แล้วยังได้รับมรดกทั้งหมดอีก ทั้งที่จริง ๆ ผู้หญิงควรจะได้เป็นเจ้าของมั้ย?​ feminism มาเต็ม แบบหงุดหงิด ควันออกหู
-
หงุดหงิด 2: ผี มีบทบาทจริง ๆ หรือเป็นเรื่องหลอนไปเองของตัวละคร ตลอด 400 หน้า มันมีฉากที่ทำให้สงสัย ว่าตัวละครหลอนไปเอง หรือนิยายเรื่องนี้ มี "ผี" ออกมาจริง ๆ
-
หงุดหงิด 3: ความอึดอัด ความไม่เป็นมิตรของคนในบ้าน แบบไม่ขัดเขิน แสดงออกซึ่งหน้า แล้วกระแทกกระทั้นกันเป็นกิจวัตร คือถ้าเป็นเรา คงวางยาพิษให้กินตายทั้งบ้าน น่ารำคาญ
-
สรุป เราไม่รักคนนี้เลยนะ Heathcliff บางคนบอกทั้งรักทั้งเกลียด แต่เราอ่านแล้วก็แบบ เอิ่ม ชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะนอกจากการแก้แค้น ฝังใจ กับเรื่องที่เกิดขึ้น และหลาย ๆ คนก็จบชีวิตไปแล้วด้วยซ้ำ
.
คุณอาจจะเกิดมาชีวิตบัดซบ
แต่ตั้งใจให้มันบัดซบต่อไป
ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสที่จะหยุดความบัดซบนี้ แล้วไม่หยุด
ก็ไม่รู้จะด่ายังไงนอกจากโง่บัดซบ
-
สรุป เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสวรรณกรรมที่กล้าที่จะแปลกใหม่ในสมัยนั้น ตลอด 400 หน้า ที่อ่านไป หงุดหงิดตัวละครไป แต่ Brönte ก็สามารถดึงให้ผู้อ่านที่ขี้หงุดหงิด อยู่กับเธอจนถึงบทสรุปได้ 👏👏👏
-
Vlog นี้จะมี spoiler 🚨🚨🚨 นิดนึงตอนท้ายนะคะ ถ้าใครสนใจลองเข้าไปฟัง แล้วมาพูดคุยกันต่อได้ค่าาา



 

Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ