ลูกกำ(กรรม)พร้า



เนื่องในโอกาสวันเกิดครบ 30 ปีเต็ม ฝ้ายขอขุดเอาบทความเก่า เป็นงานเขียนชิ้นแรกที่ฝ้ายเขียนไว้ แล้วได้ลงในนิตยสารธรรมะใกล้ตัว ตอนธรรมะจากคนสู้กิเลส ฉบับที่ ๐๓๗ พฤหัสบดีที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๑ โดยใช้นามปากกาว่าปภาสร เนื้อหามีดังนี้ค่ะ


ลูกกำ(กรรม)พร้า
โดย ปภาสร

ฉันถือเป็นเด็กคนหนึ่งที่ตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่รู้จัก "พ่อ" ของตนเองเลย เนื่องจากแม่ของฉันตัดสินใจหย่าขาดจากพ่อ ตั้งแต่ฉันอายุยังไม่ครบขวบดี ด้วยสาเหตุที่ว่าพ่อมีเมียคนใหม่ แล้วก็มีลูกซึ่งยังอยู่ในท้องติดมาด้วยอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งพ่อยื่นข้อเสนอให้อยู่ร่วมกันสามคน แต่แม่ของฉัน ไม่เห็นด้วยและตัดสินใจเดินจากมาเอง

ฉันไม่รู้เลยว่าพ่อได้เสนอเงินค่าเลี้ยงดูให้ฉันทุกเดือนหรือไม่
รู้แต่ว่าแม่เลี้ยงฉันมาคนเดียว โดยปราศจากการช่วยเหลือจากพ่อ
แม่ให้เหตุผลว่า "ถ้าจะตัดบัว อย่าตัดให้เหลือใย"

เราอยู่กันสองคนแม่ลูกมา ๑๐ ปี แม่ส่งฉันเข้าเรียนโรงเรียนประจำ ตั้งแต่ฉันอายุ ๖ ขวบ
เพราะไม่สามารถที่จะมารับส่งได้ทุกวัน เนื่องจากสภาพจราจรในกรุงเทพ ฯ แย่มาก
และแม่ต้องทำงานเลิกดึกดื่น เพราะค่าเทอมของโรงเรียนก็ค่อนข้างสูง

แม่บอกเสมอว่า "ลูกของแม่ต้องไม่ด้อยไปกว่าใคร"

แม่สอนฉันเสมอว่า "ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้เค้าพูดไป ให้ลูกตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้ว"

ตอนอยู่ที่โรงเรียน "วันพ่อ" ของทุกปี เป็นวันที่แย่มากในความรู้สึกของฉัน
เนื่องจากทางโรงเรียนจะให้นักเรียนวาดรูป เขียนการ์ด ส่งให้พ่อของตัวเอง
ฉันจำไม่ได้แน่ชัด แต่ที่แน่ ๆ คือฉันได้บอกคุณครูว่าฉันจะไม่ทำการ์ด
ด้วยเหตุผลที่ว่า "ฉันเกลียดพ่อ"

ฉันคิดเสมอว่า คนที่เป็น "พ่อ" ควรจะเป็นคนที่รักฉันที่สุด คอยดูแลฉัน
บ่อยครั้งที่ฉันร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวตอนนอน เวลาที่ฉันคิดถึงพ่อ
และรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง เวลาที่ผู้ปกครองของเพื่อน หรือคุณครูถามว่า

“แล้วคุณพ่อของหนูล่ะคะ”

ฉันจำไม่ได้แน่ชัดนัก ว่าฉันตอบไปว่ายังไง ระหว่าง "ไม่รู้" หรือว่า "ไม่มี"

ชีวิตที่อยู่โรงเรียนประจำนั้น ยิ่งทำให้ฉันเห็นถึงความแตกต่างระหว่างฉันกับเพื่อน ๆ คนอื่นได้ชัด
จริงอยู่ที่เพื่อนบางคน คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้ว
แต่ฉันเชื่อว่าถึงมันเป็นความสูญเสียเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนั้นต่างกัน
เพราะแบบที่คุณพ่อเสียชีวิตไปนั้น ฉันเชื่อแน่ว่าคุณพ่อของเค้าไม่ได้อยากจากไป
แต่จำต้องไป ซึ่งไม่เหมือนกับกรณีที่พ่อแม่หย่าร้างกัน

สภาพจิตใจของฉันตอนเด็กนั้น ฉันไม่เชื่อใจใครเลย
เวลามีเพื่อนก็จะระแวงตลอดว่าเค้าจะหักหลังเรารึเปล่า
เพราะฉันคิดอยู่เสมอว่า ขนาดพ่อเรายังหักหลังเราได้เลย
แล้วเพื่อน ที่เป็นคนอื่น เค้าจะมาสนใจอะไรกับความรู้สึกของเรา

เราสองแม่ลูกไม่เคยคุยถึงพ่อเลย ความทรงจำของฉันที่มีต่อพ่อค่อนข้างกระท่อนกระแท่น
แต่ฉันจำได้แม่นอยู่อย่างหนึ่งคือ คุณทวดของฉัน ก่อนท่านเสีย ท่านได้สั่งเสียแม่ฉันไว้ว่า
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่ากลับไปคืนดีกับผู้ชายคนนั้นอีกเป็นอันขาด"



แม่ฉันแต่งงานใหม่ตอนฉันอายุ ๑๐ ขวบ ซึ่งแน่นอนว่าฉันย่อมต่อต้าน
เพราะฉันกลัวว่าใครจะมาแย่งความรักของแม่ไปจากฉัน
แม่ได้คุยกับฉันและบอกว่า "ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่ก็จะเลือกลูกก่อนคนอื่น
เพราะเราสองคนลำบากมาด้วยกัน ถ้าพ่อใหม่ไม่ดีกับเรา แม่ก็จะหย่า"

แต่เราสองคนโชคดี ที่พ่อคนใหม่ของฉัน รักฉันเหมือนลูกสาวแท้ ๆ

ความคิดของฉันเริ่มเปลี่ยนเมื่อฉันอายุ ๑๙ ปี
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักกับวิปัสสนากรรมฐาน

ฉันค่อย ๆ เรียนรู้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่คงเป็นวิบากที่ฉันได้รับ
ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัย เพราะไม่ว่าอย่างไร "พ่อ" ก็คือผู้ให้กำเนิดฉัน ให้ฉันมีร่างกายครบ ๓๒
หากปราศจาก "พ่อ" แล้ว ฉันคงจะไม่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมอย่างแน่นอน

ฉันค่อย ๆ ปลดโซ่แห่งความเกลียดชังที่คอยรัดรึงจิตใจของฉันมาตลอดออกอย่างช้า ๆ
ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ



เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ฉันเห็นเพื่อน ๆ ของฉันเศร้าเสียใจ เมื่อต้องเลิกราจากคนรัก
ทำให้ฉันย้อนนึกถึงแม่ของฉันว่า แม่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร
แต่ฉันไม่เคยเอ่ยปากถามแม่เลย
เพราะฉันกลัวว่า ถ้าฉันถามออกไปอาจจะทำให้แม่เจ็บปวด

จนวันหนึ่ง ตอนฉันอายุได้ ๒๐ ปี ซึ่งฉันมีปัญหากับเพื่อนที่สนิทกัน เนื่องด้วยผู้ชายคนหนึ่ง
เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเสียใจและผิดหวังมาก
ฉันตัดสินใจคุยกับแม่ด้วยน้ำตานองหน้า
เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง
เมื่อฟังจบ แม่พูดออกมาประโยคเดียวว่า

"ฝ้ายรู้มั้ยว่าเมียน้อยของพ่อคือใคร"

แม่หยุดรอคำตอบจากฉัน แต่ฉันส่ายหน้า และตอบไปว่าไม่รู้หรอก
แม่จึงตอบว่า "เค้าคือเพื่อนเจ้าสาวของแม่เอง"

เมื่อฉันได้ยินคำตอบ ฉันรู้สึกทันทีว่าปัญหาที่เกิดกับฉัน ช่างเล็กและหาสาระแก่นสารไม่ได้
ฉันหยุดร้องไห้และเริ่มนั่งฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ฉันไม่เคยรู้เลยจากปากแม่อย่างเงียบ ๆ

ฉันถามแม่ว่า "ทำไมแม่จึงแต่งงานกับพ่อล่ะ" และ

"ถ้าหากแม่รู้ว่าพ่อจะนอกใจแม่จะเลือกไม่แต่งงานกับพ่อมั้ย"

แม่บอกว่า "จริง ๆ แล้วแม่มีคนที่รักแม่มากก่อนที่แม่จะตัดสินใจแต่งงานกับพ่อ

เค้าเป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน

แต่คุณยายและญาติผู้ใหญ่เห็นว่าพ่อดูเป็นผู้ใหญ่กว่า มีหน้าที่การงานมั่นคง น่าจะดูแลแม่ได้ดีกว่า
แม่จึงเลือกแต่งกับพ่อ ส่วนเพื่อนของแม่ก็ตัดสินใจออกบวชและอยู่ในสมณเพศจนถึงบัดนี้"

ต่อคำถามที่ว่าถ้าเลือกได้จะไม่แต่งกับพ่อหรือไม่ แม่ตอบว่ายังไงก็จะแต่ง
เพราะพ่อได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับแม่ นั่นก็คือ "ฉัน" นั่นเอง

ฉันบอกว่า "แม่รู้มั้ย ว่าจริง ๆ แล้ว ตอนที่ฝ้ายยังเด็ก ฝ้ายเกลียดพ่อมาก เพราะเค้าทิ้งเราไป"
แม่ตอบว่า "อย่าไปเกลียดเค้าเลย" และพูดต่อว่า
"ที่เค้าเป็นอย่างนั้นก็มีเหตุผลนะ เพราะพ่อก็มาจากครอบครัวที่แตกแยกเหมือนกัน
และต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงน้อง ๆ ของพ่อด้วยตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก
พ่อจึงไม่รู้จักความรัก และรักใครไม่เป็น แม่จึงไม่อยากให้พ่อ เป็นคนเลี้ยงดูฝ้าย"

แล้วแม่ยังบอกอีกว่า "ฝ้ายไม่รู้หรอก ว่าจริง ๆ แล้ว นิสัยที่ดี ๆ ทั้งหลาย
ที่อยู่ในตัวฝ้ายนั้น ได้มาจากพ่อทั้งนั้นเลย
ไม่ว่าจะเป็นความขยัน ความอดทน ความฉลาด และความสามารถในการวาดรูป
จริง ๆ แล้วพ่อก็อยู่ในตัวหนูนั่นแหละ"

ในวันนั้น ฉันจึงได้รู้จักพ่อของฉัน พร้อม ๆ กับได้รู้ความรู้สึกของแม่ฉันไปด้วย
ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ไม่ได้เกลียดพ่อเลย
และแม่ก็ไม่เคยเสี้ยมสอนให้ฉันเกลียดพ่อด้วย

แม่บอกเสมอว่า "อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด" อย่าไปกังวลถึงอนาคตมาก
ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ



นอกจากนี้ ครูบาอาจารย์ของฉันยังสอนฉันอีกว่า
"พ่อ" คนแรก คือ พ่อผู้ให้กำเนิด แต่ไม่มีโอกาสเลี้ยงดูฉัน
ส่วน "พ่อ" คนปัจจุบันนี้ คือ พ่ออุปถัมภ์ คอยดูแลเลี้ยงดูฉันมาตลอด
ไม่ว่าอย่างไร ท่านทั้งสอง ก็คือ "ผู้มีพระคุณ" ของฉัน



ตอนนี้ฉันอายุ ๒๓ แล้ว กำลังศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี
ฉันกล้าพูดได้ว่า ตอนนี้ฉันไม่เกลียด "พ่อ" แล้ว เพราะฉันมีเป้าหมายใหม่ว่า
หลังจากที่ฉันเรียนจบ มีงานทำมั่นคงแล้ว ฉันจะตามหา "พ่อ" ของฉัน

และจะก้มกราบที่เท้าพ่อ "เพื่อขอบพระคุณที่ทำให้ฉันเกิดมาบนโลกใบนี้"


๒๘​ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ณ เมือง Lüneburg Germany





ภาษาเยอรมัน Ein Kind aus einer gebrochenen Familie




Kommentare

  1. ฉันต้องการบอกให้โลกรู้อย่างรวดเร็วว่ามีลูกล้อคาถาออนไลน์ที่ทรงพลังและเป็นของแท้มากชื่อของเขาคือดร. edede เขาช่วยให้ฉันรวมตัวกับความสัมพันธ์ของฉันกับ hubby ที่ทิ้งฉันเมื่อไม่นานมานี้เมื่อฉันติดต่อดร. edede เขาได้สะกดความรักให้ฉันและ hubby ของฉันก็โทรหาฉันหลังจากผ่านไป 2 วันและเริ่มขอร้องให้ฉันกลับมาในชีวิต ... เรากลับมาแล้วในตอนนี้ด้วยความรักและการเอาใจใส่มากมาย วันนี้ฉันดีใจที่จะให้คุณทุกคนรู้ว่าลูกล้อสะกดนี้มีอำนาจในการคืนค่าความสัมพันธ์ที่หักกลับมาเพราะตอนนี้ฉันมีความสุขกับ hubby ของฉัน ... หากมีใครออกมีที่อ่านบทความนี้และต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาด้านล่างนี้ยังสามารถติดต่อดร. edede เพื่อขอความช่วยเหลือในปัญหาดังต่อไปนี้: (1) การรักษาโรคทุกประเภท (2) คดีในศาล (3) คาถาการตั้งครรภ์ (4) การป้องกันทางจิตวิญญาณ (5) การรักษาโรคมะเร็ง (6) สำหรับโรคเริม (7) รักษาโรคเอดส์และอื่น ๆ อีกมากมาย ... คุณสามารถติดต่อเขาทางอีเมลของเขา: ededetemple@gmail.com หรือโทร / WhatsApp ด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาที่ +38972751056

    AntwortenLöschen

Kommentar veröffentlichen

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ