10 วันแรกในเยอรมนีกับเรื่องปวดหัว รับน้องกลับบ้าน (2/2)

 

#เรื่องที่สี่ No electricity (22 Oct 2021)

ก่อนออกจากบ้านไป Lidl อยู่ ๆ ไฟในบ้านก็ดับ คือตอนแรกคิดว่าดับทั้งตึก แบบเค้ามีแผนซ่อมบำรุง แล้วเราไม่รู้ แต่พอออกไปเดินในโถงทางเดิน เอ ไฟก็สว่างนิ ก็เลยเริ่มงง

แต่ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ เพราะต้องออกไปซื้อของก่อน จะได้มี 4G จากมือถือใช้ จนพอกลับมาหลังจากซื้อของแล้ว คือฮีทเตอร์ยังใช้ได้ น้ำยังอุ่นอยู่ แต่ตู้เย็นไม่มีไฟ wifi ไม่มี มือถือก็ไม่มี 4G เพราะซื้อ sim card ไม่ได้ คือแบบมืดบอดมาก โทรหาคนที่นี่และที่ไทยไม่ได้เลย

แอบตกใจอยู่ว่าต้องทำยังไง เลยตัดสินใจ ไปเปิดตู้เบรคเกอร์ที่อยู่ตรงทางเข้าห้อง แล้วอ่านตามป้ายที่เค้าติดไว้ และลองมั่วดู ยกเบรคเกอร์อันใหญ่สุด

และไฟก็กลับมา เฮ้อ เหนื่อยมากกกก 😮‍💨

#เรื่องที่ห้า wifi x 4G are significantly slower than what we have in Bangkok (22 Oct 2021)

เรื่องนี้เคยได้ยินมาก่อนที่จะมาล่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ คือ เรา roaming sim2fly ทุกครั้งที่เดินทางต่างประเทศ อย่างครั้งล่าสุด คือไป trekking ที่ Alaska อยู่บนเกาะ เรายังใช้ 4G ลง story ได้แบบไม่มีประเด็น

แต่พอเราเดินทางไปดูบ้านเช่าในเมือง แล้วต้องตรวจสอบแผนการเดินรถประจำทาง ดู google map คือแบบ มันกลายเป็น E แล้วใช้อะไรไม่ได้เลย

ทุกครั้ง เลยต้องเตรียมการเดินทางจากบ้าน ใช้ wireless บ้านแทน ซึ่งก็พอทน แต่ก็มีความซวย เมื่อเรากำลังประชุมกับลูกค้าที่ไทย อยู่ ๆ wireless ที่บ้านก็ดับไปเฉย ๆ เลยต้องต่อใหม่ด้วยมือถือ ที่แก้ปัญหาเรื่องสัญญาณด้วยการ manual เลือก service provider เอง

สรุป คือ wifi x 4G แย่กว่าที่ไทยอ่า

#เรื่องที่หก SOS in washing chamber (27 Oct 2021)

Airbnb เค้าเตรียมบัตรซักผ้า ที่เราสามารถใช้ได้ในห้องใต้ดิน ซึ่งเราก็อ่านวิธีใช้จนเข้าใจแล้วลงไปข้างล่าง โดยมีเครื่องซักผ้าแค่ 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งมีผ้าที่เพิ่งซักเสร็จค้างอยู่ เราก็เลยต้องใช้เครื่องที่เหลือ ซึ่งพอทำตามขั้นตอน นำ้ก็เริ่มเข้าเครื่อง พอผ่านไป 3 นาที อยู่ดี ๆ เครื่องก็ดับ

คืองง แบบเสื้อผ้าเปียกแล้ว น้ำเริ่มเข้าเครื่องแล้ว แล้วอยู่ ๆ ก็หยุด เปิดประตูเครื่องก็ไม่ได้ เริ่มตกใจ (อีกแล้ว) คิดว่าจะทำไงดี เลยกลับไปข้างบน กดกริ่งเรียกเพื่อนบ้านจ้าาา พ่อหนุ่มคนนึงเปิดประตูเร็วมาก เพราะเค้ากำลังแต่งตัวจะออกไปนอกบ้านพอดี นางลงมาช่วยดูเครื่องและบอกว่าเราคงซวย เครื่องมันเสีย แล้วช่วยหาปุ่มเปิดประตูเครื่องซักผ้าแบบ manual แล้วแนะนำให้ย้ายผ้าของอีกเครื่องออกแล้วเราก็ซักต่อในนั้นเลย

คือ หงุดหงิดมากอ่ะ จนต้องเอาไวโอลิน  ออกมาสีเล่น ลดอารมณ์โมโหลงไปได้เยอะ

แต่ยังประทับใจคนเยอรมันที่นี่นะ คือช่วยเหลือเราตลอดเลย แถมยังได้รับคำชมว่าพูดเยอรมันได้ดี