ความโกลาหลของรถไฟเยอรมันกับการบำบัดด้วยหนังสือ





#BookTherapy ทุกท่านเคยเจอประสบการณ์ sliding doors หรือ butterfly effect บ้างรึเปล่าคะ?

เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24-25 มิ.ย. เป็นความสืบเนื่องจากความผิดพลาดเล็ก ๆ ในวันที่ 15 มิ.ย. ที่เราทำ iPhone หล่นลงไปในช่องใต้เก้าอี้ของรถไฟระหว่างเมืองและความวุ่นวายที่ตามมาจากการเดินทางโดยไม่มีมือถือ

-
เราไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อน และของขวัญวันเกิดให้ที่บ้าน พร้อมนัดกินข้าวเย็นกับเพื่อนคนไทยที่มาเยี่ยมเราที่ Frankfurt ในวันที่ 24 (ที่จริง ๆ ควรจะเจอกันตั้งแต่วันที่ 18 แต่เพราะไม่มีมือถือใช้ เลยเลื่อนมาวันนี้แทน) กินเสร็จก็ต่างคนต่างเตรียมตัวกลับบ้าน โดยเราต้องนั่งรถไฟระหว่างเมือง ที่ใช้เวลา เพียง 58 นาที เราควรจะถึงบ้านตอน 5 ทุ่ม จากการนั่งรถไฟรอบ 22:04 ไปยืนรอที่ชานชาลาตั้งแต่ 21:45 จน 23:30 รถไฟที่ควรจะมาทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แวว เลยต้องนอนค้างที่โรงแรมตรงสถานีรถไฟหนึ่งคืน แล้วรอกลับบ้านวันเสาร์ (มือถือก็แบตเตอรีใกล้หมด เพราะไม่ได้เตรียมตัวค้างคืน 😫😣 แต่ยังดี มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เพราะเพิ่งซื้อมาตอนบ่าย)


-
วันเสาร์ ไปยืนรอรถไฟอีก หลังกินมื้อเช้าเสร็จ
  • ขบวน 11:04 ถูกยกเลิก อ่ะ ไม่เป็นไร ยืนดูคนเอา คนอื่นก็บ่นเหมือนกัน
  • ขบวน 12:04 คนเริ่มแออัด และสถานีประกาศยกเลิกขบวนนี้อีก ตรงนี้คือหงุดหงิดมากกก เลยไปเดินเล่นในร้านหนังสือ
ในใจก็โกรธตัวเองที่ไม่ได้หยิบหนังสือติดมือมา แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่า เราตัดสินใจถูกแล้ว เพราะจะมาซื้อของและเจอเพื่อน จะเอาเวลาไหนมาอ่านหนังสือ

-
ด้วยกระแสของ อ. ชัชชาติ ก็คิดว่าจะลองอ่านเล่มนี้ดู หาอยู่นานก็ไม่เจอ พอตอนจะเดินออกจากร้าน ก็เห็นวางแบบเอาสันออกมา อยู่ตรงมุมตู้ และมีแค่สองเล่มสุดท้าย เลยซื้อมาด้วยราคา 22€ และก็มายืนรอต่อ ขบวนต่อไปคือ 13:04

-
คราวนี้ รถไฟมาค่ะ แต่ ๆๆๆๆ ต้องเปลี่ยนชานชาลา จาก 15 ไปชานชาลา 9 ก็เดินตามฝูงชนไปค่ะ ทั้งกระเป๋าลาก กระเป๋า backpack ล้อเข็นเด็ก จักรยาน วุ่นวายมากกก
-
พอเห็นที่ว่าง 1 ที่ เป็นพุ่งไปจับจอง พร้อมเปิดหนังสืออ่าน แล้วสายตาก็เหลือยไปเห็นว่าคุณผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ ก็หนิบ The Principles ของ Dalio มาอ่าน และคุณผู้หญิงตรงข้ามก็อ่านหนังสือเช่นกัน เราก็เลยชวนคุณผู้ชายคุย ก่อนอื่นบ่นเรื่องรถไฟก่อน ว่าเรารอรถไฟขบวนนี้มา 15 ชั่วโมง


เกิดอะไรขึ้นกับความตรงเวลาของระบบรถไฟของชาวเยอรมัน?
คุยกันต่อนิดนึง เราก็เลยเปลี่ยนเรื่องว่า เออ เล่มนี้ของ Ray เราอ่านแล้วนะ เขาเลยให้เราช่วย review สั้น ๆ เพราะเพิ่งเริ่มอ่านบทแรก ส่วนคุณผู้ชาย ก็บอกว่า เขาอ่าน Think Again จบแล้วนะ ลองอ่านเหอะ ใช้ได้เลยนะ
-
หลังจากนั้น ก็ต่างคนต่างอ่านหนังสือ
-
บทเรียนจากวันนี้คือ ไม่ว่าจะไปแค่เดิน shopping หรือนัดเจอเพื่อน เราจะต้องหยิบหนังสือสักเล่มติดมือไปด้วยล่ะ ไม่งั้นจะหงุดหงิดมากก เวลาที่ต้องรอรถไฟนานแบบนี้ หรือมีเรื่องที่ผิดแผนไปมากกก
-
ป.ล. ตอนนี้ใครจะเดินทางมาเยอรมนีตอนนี้ เผื่อเวลาให้เยอะ ๆ เลยนะคะ เพื่อนที่บินกลับไทยเมื่อวันที่ 25 ก็บอกว่าคนเยอะมากที่สนามบิน Frankfurt จนไม่มีเวลาทำ tax refund และกว่าจะขึ้นเครื่องได้ เครื่องก็ติดแหง่กอยู่ที่สนามบิน 2 ชั่วโมง กว่าจะได้ขึ้นบิน 😖🤯

Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ