25 days of pilgrimage – Day 0 Dubai Airport




Freitag 2. September

ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบิน Emirates แบบที่ตรงเวลาเป๊ะ ด้วยเครื่อง A380 ที่นั่ง 84G ณ เวลา 1:30 am

เวลาเดินทางกลางคืน ฝ้ายจะเลือกที่นั่งริมทางเดินมากกว่าริมหน้าต่าง เพราะจะได้สะดวกในการลุกไปเข้าห้องน้ำ

ระยะเวลาการบินไปดูไบ สิริรวม 6 ชั่วโมง จากนั้น มีเวลา 4 ชั่วโมง ไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ
สิ่งแรกที่ทำคือ เดินหาน้ำดื่ม

ซึ่งในกระเป๋าพอมีเหรียญเงินของ United Arab Emirates (AED: United Arab Emirates Dirham) อยู่บ้าง แต่พอจะหยิบขึ้นมาใช้ เพื่อซื้อน้ำดื่มจากเครื่อง ซึ่งในตู้เขียนว่า 2 AED ก็พบว่าบนเหรียญไม่ได้เขียนมูลค่าเงินเป็นตัวเลขอารบิก -_-

สรุปเงินที่เรามีมันเท่าไหร่กัน?



ดังนั้น ไม่ลองไม่รู้ ก็กดเลือกน้ำดื่มไป ที่มีติดป้ายว่า 2 AED แล้วค่อย ๆ หยอดเหรียญเข้าไป ก็ค้นพบว่า (ฟังดูยิ่งใหญ่เนอะ) เมื่อหยอดไปสองเหรียญ แล้วขวดน้ำที่เล็งไว้ ก็หล่นลงมา ดังนั้น เหรียญเงินนี้ มีมูลค่า 1 AED นั่นเอง J

โอเค ยังมีอยู่อีก 4-5 เหรียญ​ พอสำหรับซื้อน้ำขากลับ

ภารกิจต่อไปคือ หาที่นั่งเหยียดขา ที่เราชอบสนามบินนี้คือมีเก้าอี้ยาวให้นอนเอกเขนก ในปริมาณที่พอเพียง หลังจากเลือกจุดยุทธศาสตร์วางสัมภาระเสร็จ ก็เตรียมงีบสัก 2 ชั่วโมง แต่ก่อนหน้านั้น ก็ลองใช้บริการ Internet ฟรี 1 ชั่วโมงของสนามบินก่อน ซึ่งคุณภาพดีตามมาตรฐานสากล ซึ่งเราก็ลองเปิด mac แล้วต่อ Internet ดู ก็ปรากฎว่าใช้ได้เหมือนกัน แบบนี้ ถ้าคนไหนมี gadget ติดตัวมามากกว่าหนึ่งเครื่อง ก็จะสามารถใช้บริการนี้ฟรีได้มากกว่า 1 ชั่วโมงเลยล่ะ

ถึงเวลา boarding ตอน 8:35 am ยังมึนและง่วงอยู่ ที่นั่งก็ตำแหน่งใกล้เคียงเดิมคือ 83G ที่น่าสนใจคือ ทั้งขามาจากกทม. และจากดูไบ ผู้โดยสารเต็มเครื่องเลย ไม่มีโอกาสย้ายที่ หรือนั่งควบสองเลยด้วยซ้ำ -_-

แต่ A380 ลำนี้ มี monitor ที่หรูกว่าลำแรกนะ เลยนั่งดูหนังเพลินเลย เพราะนอนได้นิดเดียว เนื่องจากเค้าเสิร์ฟอาหารทั้ง มื้อเช้าและมื้อกลางวันก่อนเครื่องลงที่ Frankfurt am Main ซึ่งเราก็เก็บของที่กินไม่หมด ใส่กระเป๋าไว้เป็นเสบียงในวันต่อ ๆ ไป



ที่ประทับใจมากคือเครื่องมาถึง FF ก่อนเวลาที่กำหนด 20 นาที!!!

แถวในการผ่านการตรวจคนเข้าเมืองของ Non-EU citizen ยาวมาก ๆ ในขณะที่ EU citizen โล่งโจ้งจนผีจะหลอก ซึ่งก่อนหน้าที่จะถึงคิวของเรา ก็มีครอบครัวแขกขาว เดินเข้าไปก่อน พร้อมกับลูก ๆ อีก 5 คน ที่คนโตสุดน่าจะอายุไม่เกิน 10 ขวบ ที่น่ารักมากก็คือ เจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันที่ตัวใหญ่มาก ต้องลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือออกมานับหัวเด็ก ๆ ว่ามีจำนวน 5 คน พอดีกับจำนวนเล่มหนังสือเดินทางที่ส่งให้รึเปล่า? แล้วหลังจากนั้น ก็ต้องเทียบหน้ากับรูป ซึ่งผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ต้องยืนขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แล้วชะโงกมาดูหน้าน้อง ๆ ซึ่งน้องที่ตัวเล็ก ๆ อีกสามคน คุณพ่อจำต้องอุ้มแล้วยกขึ้นให้เจ้าหน้าที่เห็นหน้าชัด ๆ -_- เราเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน

การเดินทางทั้งครอบครัวพร้อมเด็ก ๆ 5 คนนี่ คงเหนื่อยและแพงน่าดู ไม่รู้ว่าตอนซื้อตั๋วเครื่องบิน จะได้ส่วนลดบ้างรึเปล่า ส่วนตอนเราผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีอะไรเลย เค้าไม่ถามอะไรซักคำ แล้วก็ปล่อยผ่านมาอย่างสบาย ๆ

Guten Tag Deutschland!!!



Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน