ส่งใบสมัครงานและติดตามผล


ก่อนอื่น ลองเปรียบเทียบเมล์ 2 ฉบับนี้นะคะ 



ก็ต้องออกตัวก่อนว่า มันไม่มีกฎตายตัวว่าแบบไหนผิด แบบไหนถูก แต่เท่าที่ได้รับ feedback จากการสมัครงานแบบนี้ จะได้คำชมว่า ทำใบสมัครได้ดีและ professional มาก ฝ้ายเคยไปช่วยทำใบสมัครให้เพื่อนคนเยอรมัน โดยใช้ format เดียวกันกับที่ฝ้ายทำ เค้าก็ยังโทรมาบอกว่า บริษัทที่ยื่นใบสมัครไป โทรมาหาเค้าและเรียกสัมภาษณ์ พร้อมทั้งชมว่าทำใบสมัครได้ดีมาก ๆ --- เราก็ปลื้มที่ได้ช่วยเพื่อน อิอิ

สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด (นอกจากภาษานะคะ) คือเนื้อหาของอีเมล์ค่ะ ฉบับแรกเนื้อหาค่อนข้างสั้น แต่ฉบับที่สองนั้น คือ การ copy เนื้อหาของ cover letter มาใส่ในเมล์ค่ะ เนื่องจากบางคนเค้าไม่ต้องการเสียเวลาเปิดดูเอกสารของเรา ก็สามารถเห็นคุณสมบัติคร่าว ๆ ของเราได้เลยเมื่อรับเมล์ ก็เป็นความประทับใจแรกพบอย่างหนึ่ง

ฝ้ายจะอธิบายตามหมายเลขที่เขียนไว้นะคะ
  • จุดที่ 1 อีเมล์ของฝ่าย HR หรือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ:
    หากได้เมล์มาแล้ว ลองเอาเมล์ไป search ดูใน internet อีกที ว่าอีเมล์สะกดถูกต้องหรือไม่ แล้วก็ copy – paste มาใส่เมล์ของเรา เพราะบางครั้งเมล์อาจผิดหรือเราพิมพ์ผิดเอง ทางที่ดีตรวจสอบไว้ก่อน เพราะบางครั้ง HR ก็ไม่ได้ส่งเมล์ยืนยันมาให้ว่าได้รับใบสมัครของเราแล้วหรือยัง
  • จุดที่ 2 หัวเรื่อง:
    กรุณาเขียนให้ชัดเจนว่าคุณสมัครงานตำแหน่งอะไร กับแผนกไหน หากมี Job code ก็ให้ใส่ไว้ด้วย
  • จุดที่ 3 อ้างอิง:
    หากคุณเจองานตำแหน่งนี้จากเวปไซต์หางาน ก็รบกวนใส่เครดิตให้เค้าด้วย เป็นมารยาทที่มีไว้ ไม่เสียหลายนะคะ
  • จุดที่ 4 ชื่อ:
    ใส่ชื่อของคนที่รับเรื่องให้ถูก หรือหากไม่ได้ระบุไว้ ก็ให้ใส่ “Dear Sir or Madam,” หรือ “Sehr geehrte Damen und Herren,”
  • จุดที่ 5 คำลงท้าย พร้อมชื่อ:
    อย่าลืมใส่คำลงท้าย “ด้วยความเคารพอย่างสูง” “Sincerely yours,” หรือ “Mit freundlichen Grüßen,”
  • จุดที่ 6 ไฟล์เอกสาร:
    อย่าลืม ย้ำ อย่าลืม แนบใบสมัครของเราไปด้วย แนะนำเป็น pdf หากเค้าไม่ได้กำหนดมาว่าต้องการให้ส่งเป็น word และระวังไม่ให้ขนาดไฟล์ใหญ่เกินกว่า 5 MB
  • จุดที่ 7 ข้อมูลติดต่อ:
    ลงลายเซ็นของเราไว้ เพื่อให้เค้าตามได้ว่าเราอยู่ที่ไหน เบอร์ติดต่อ และอีเมล์
  • จุดที่ 8 ชื่ออีเมล์:
    จำไว้ว่าการสมัครงานต้องการความเป็นทางการ ดังนั้น ชื่ออีเมล์ก็ควรจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงจุดนี้ด้วย แนะนำให้ใช้ชื่อ-นามสกุลจริงเป็นพื้นฐานในการตั้งชื่อ และหลีกเลี่ยง Hotmail จะดีกว่า



หลังจากส่งใบสมัครแล้ว ให้จดวันที่ไว้ค่ะ ว่าหลังจากนี้ 1 สัปดาห์ หากเราไม่ได้รับการยืนยันว่าเค้าได้รับใบสมัครแล้ว เราควรโทรตามเรื่องค่ะ หรือไม่ก็ส่งอีเมล์ไปอีกที โดย forward จากที่เราเคยส่งไปแล้ว เค้าจะได้เห็นว่า เราเคยส่งไปแล้วนะ นี่เป็นการตามเรื่องอีกที แต่แนะนำว่าโทรไปจะดีกว่าค่ะ



Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน