MBA for Sustainability Management


เป้าหมายหลักที่มาเรียนต่อที่เยอรมนี คือการเรียน MBA ที่เน้นการบริหารจัดการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม 

บัณฑิตที่จบการศึกษาปี 2011


หลาย ๆ คนถามว่า เรียนบริหาร ทำไมไม่ไปเรียนที่อเมริกาหรืออังกฤษล่ะ? ส่วนใหญ่เด็กบัญชีก็ไปเรียนต่อที่ประเทศนี้ทั้งนั้น เยอรมันเค้าดังด้านวิศวกรรมหรือเภสัชกร ตอนแรกเราก็ลังเล เลยไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ตามนี้

เรา: อาจารย์คะ คือไม่แน่ใจว่าควรจะไปเรียนต่อที่ไหนดี เพราะมีคนบอกว่าเรียนที่เมกากับอังกฤษน่าจะดีกว่า เพราะเค้าดังกว่าอ่ะค่ะ

อาจารย์ที่ปรึกษา: นี่เธอ ชั้นจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเธอรักที่จะทำอะไรตามแบบที่คนอื่น ๆ เค้าทำกัน เธอก็จะไม่มีความแตกต่างกับคนอื่นเค้า นอกเสียจากเธอจะเก่งมาก ๆ เรียนที่เมกากับอังกฤษนะเกร่อจะตาย

เรา: อ่อค่ะ

อาจารย์ที่ปรึกษา: ที่คนเค้าไม่กล้าไปเรียนที่เยอรมัน เพราะเค้าไม่อยากเริ่มเรียนภาษาเยอรมันใหม่ อีกอย่าง ที่ไม่มีคนไปเรียน ไม่ได้หมายความว่าการเรียนของเค้าใช้ไม่ได้ซักหน่อย เธอลองดูเอาแล้วกัน ในยุโรปใครเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ ระบบเศรษฐกิจใครแข็งแกร่งที่สุด? ถ้าการบริหารจัดการระดับจุลภาคและมหภาคเค้าไม่ดี เค้าจะฟื้นจากสงครามทั้งสองครั้งจนกลายเป็นมหาอำนาจได้ยังไง? อีกอย่าง Prof. Stefan Schaltegger ก็เป็น Prof. ที่มีชื่อเสียงและดังมากในด้าน sustainability ถ้าเค้ารับเธอเข้าเรียน ก็ไปเรียนเถอะ จบกลับมาเธอจะมีคุณสมบัติที่หาได้ยากในไทย คือ จบบริหารด้าน sustainability มา พูดเยอรมันได้ และมีพื้นฐานด้านบัญชี เท่าที่ชั้นสัมผัสคนเยอรมันมา เค้าเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ทำงานเอาจริงเอาจัง ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับบุคลิกของเธอดี เพียงแต่เมืองที่เธอไปอยู่อ่ะ มันจะออกบ้านนอกหน่อย ๆ นะ เมืองเล็ก ๆ อาจจะน่าเบื่อหน่อย



จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็สำนึกในบุญคุณของอาจารย์เสมอมาค่ะ   



เข้าเรื่องการเรียน โปรแกรม MBA นี้เป็นโปรแกรม Fernstudium หรือ long-distance learning โดยเรียนผ่าน E-learning ผสมกับสัมมนาเชิงปฏิบัติการช่วงสุดสัปดาห์ โดยผู้ที่เข้าเรียนหรือเพื่อนร่วมรุ่นจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว แล้วออกมาเรียน ก็จะเลือกเรียนแบบ full-time ก็จะจบภายใน 1 ปี หรือหากต้องทำงานประจำก็สามารถลงเรียนเป็น part-time ได้ค่ะ ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือกเรียนแบบนี้มากกว่า เพราะไม่ต้องออกจากงานที่ทำ 

เราก็เลือกแบบนี้ เพราะเรามีปัญหาด้านภาษา เนื่องจากตัวหลักสูตรเองเป็นภาษาเยอรมันมากกว่า 90% จึงมีนักเรียนต่างชาติน้อยมาก เราเป็นรุ่นที่ 5 ของหลักสูตร ซึ่งรุ่นก่อน ๆ ก็จะมีชาวจีน ชาวญี่ปุ่น และชาวบราซิล ที่เหลือก็จะมาจากประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่อยู่แล้ว ก็คือสวิส ฯ กับออสเตรีย


เพื่อนร่วมรุ่นก็มาจากหลากหลายอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นวิศวกร หรือเรียนด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมา ซึ่งกลุ่มนี้ต้องเรียนปรับพื้นฐานก่อนเริ่มหลักสูตร ส่วนอาชีพอื่น ๆ ก็มีแพทย์ และนักบินจาก Air Berlin สองคน บางคนก็จบเอกแล้ว ก็มาเรียนหลักสูตรนี้เพิ่ม อายุของเพื่อนร่วมรุ่นก็เลยกว้างมาก ตั้งแต่ 23 – 60 ปี แน่นอนว่าเราและคนเยอรมันอีกคนเด็กสุดของรุ่นนี้ คือ 23 ปีค่ะ


บัณฑิตที่จบการศึกษาปีนี้ร่วมปลูกต้นไม้






เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: เรียนอะไรบ้างใน MBA?


Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ