เดินเตะฝุ่น ๑๓ เดือน กว่าจะได้งานทำในต่างแดน


การหางานทำเป็นเรื่องที่ใหม่มากของเรา เพราะตอนที่เราอยู่ที่ไทย พวก Big 4 ก็มารับสมัครงานที่คณะ แล้วก็สอบข้อเขียน พอสอบข้อเขียนผ่าน ก็สอบสัมภาษณ์ ตอนนั้นเราก็สมัครที่ Ernst  & Young ไว้ที่เดียว ไม่ได้เผื่อเลือกเลย พอสัมภาษณ์ผ่านก็ไม่ได้ขวนขวายที่จะหางานที่อื่น อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นพอจะรู้เลา ๆ ว่างาน auditor คงไม่ใช่งานที่เหมาะกับเรา และก็อยากหาทางไปเรียนต่อมากกว่า แต่อาจารย์ที่ปรึกษาท่านเดิมบอกไว้ว่า 

“ไปลองทำดูให้รู้ ว่าไม่ชอบน่ะ ไม่ชอบยังไง ไม่ชอบตรงไหน จะได้รู้เอง 
ดีกว่าไปฟังคนอื่นที่เค้าบอกว่างานนี้คงไม่เหมาะกับเรา หรือตัวเราเองคิดไปเอง ว่าคงไม่เหมาะกับเรา” 

ก็เลยตัดสินใจลองทำดู ก็ได้รู้จริง ๆ ว่าคงไม่ใช่งานที่เราจะทำเพื่อเลี้ยงชีพแน่ เพราะเข้าตำรา “งานชูชีพ แต่ไม่ชูใจ” ก็เลยออกมาตามฝันที่เมืองเบียร์แทน


การหางานทำในเยอรมนีหรือในต่างประเทศ โดยเฉพาะโซนยุโรปสำหรับชาวไทยค่อนข้างยาก เพราะหลาย ๆ ปัจจัย

อันดับแรกเลยคือ “ภาษา” เนื่องจากหลาย ๆ ประเทศในยุโรปมีภาษาแม่ของตัวเอง และตำแหน่งงานส่วนมาก ต้องการให้ผู้สมัครมีความรู้อย่างน้อยสองภาษาคือเยอรมันและอังกฤษ ฝ้ายแทบไม่เคยเจอตำแหน่งไหนเลยในเยอรมนีและสวิส ฯ ที่ต้องการภาษาอังกฤษอย่างเดียว และหากมีก็จะเป็นตำแหน่งที่เฉพาะทางและต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างต่ำ 5 ปี ยิ่งเป็นสายงานด้านบริหาร คือ ที่ปรึกษา เนื้อหางานคือต้องคุยกับลูกค้าและแนะนำวิธีการแก้ไขให้เค้า ดังนั้น ทักษะในการสื่อสารจึงจำเป็นมากกว่าสายเทคนิคที่ไม่ต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง

คู่แข่งในตลาดงานของเราคือคนเยอรมัน และคนต่างชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะจากยุโรป ที่จะมีภาษีด้านภาษามากกว่าเรา เช่น จากฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เพราะเค้าจะได้อย่างน้อย 3 ภาษา หากคิดจะมาสมัครงานที่เยอรมนี (แต่ก็มีเหมือนกันที่คนจากชาติเหล่านี้ พูดได้ภาษาแม่กับเยอรมันเท่านั้น อังกฤษไม่กระดิก) ส่วนชาวจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ จะหางานได้ง่ายกว่าเรา เพราะประเทศเค้ามีบริษัทใหญ่ ๆ มากมายและมีสาขาจากประเทศเค้ามาตั้งดำเนินการที่นี่ ทำให้เพื่อน ๆ ที่มาจากประเทศเหล่านี้ ได้งานทำง่ายกว่าพวกเรา ตรงนี้ก็ต้องทำใจ เพราะประเทศและภาษาของเราค่อนข้าง exotic มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเค้ามองหาคนที่พูดภาษาไทยได้ เราก็จะไม่มีคู่แข่งแน่นอน ซึ่งงานที่ต้องการภาษาไทยก็มีบ้างประปรายใน web หางาน ดังนั้น เกิดเป็นคนไทยก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะ

เข้าเรื่อง นักเรียนที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยในเยอรมนี จะได้รับอนุญาตให้หางานประจำทำที่นี่เป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น หลังจากได้รับปริญญาบัตรเดือนกันยายน 2011 ก็เริ่มนับเวลาไปอีก 12 เดือน (คือมีเวลาหางานจนถึงเดือนกันยายน 2012 นั่นเอง) แต่ฝ้ายได้งานประจำทำตอนเดือนตุลาคม 2012 --- งงมั้ยคะ? เพราะตอนที่ได้งานวีซ่าหมดไปแล้ว ตรงนี้มีตัวช่วยค่ะ แล้วจะเล่าให้ฟังใน blog ถัด ๆ ไปนะคะ


เนื่องจากเนื้อหาที่เกี่ยวกับตอนนี้ค่อนข้างละเอียดและเยอะ ฝ้ายเลยขอแบ่งออกเป็นตอนสั้น ๆ ตามนี้ค่ะ

  1. เตรียมใบสมัครงาน
  2. หางานอย่างไร
  3. ส่งใบสมัคร & ตามเรื่อง
  4. ประสบการณ์สัมภาษณ์งาน

ป.ล.​ มีคนถามว่าใครเป็นคนถ่ายรูปนี้? ฝ้ายก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงเป็นตากล้องของงาน job fare ที่ฝ้ายไปเข้าฟังสัมมนา เค้าส่งรูปนี้เข้าเมล์ฝ้าย แล้วขออนุญาตเผยแพร่ใน website ของผู้จัดงานน่ะค่ะ ถ่ายสวยดี ปลื้ม :D





Kommentare

Beliebte Posts aus diesem Blog

ส่งสัมภาระเกือบ 400 กิโลกรัมจากเยอรมันกลับไทยแบบ DIY

เหรียญสองด้านของการเป็น Au pair ในต่างแดน

ลองมาทำ Résumé เก๋ ๆ ด้วย Powerpoint ดูนะคะ